แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายตลาดทรัพย์ที่ยึด ผู้ซื้อทรัพย์มิได้แถลงคัดค้านคำร้อง ของ จำเลยที่ 1 ต้องถือว่าผู้ซื้อทรัพย์ไม่ติดใจคัดค้านตามที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไว้แล้ว ผู้ซื้อทรัพย์ไม่ได้เข้ามาในคดีเกี่ยวกับการร้องคัดค้านการขายทอดตลาดมาแต่แรก ผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ถ้าจำเลยทั้งสองไม่ชำระให้ยึดที่ดินที่จำนองและทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้จนครบ จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอบังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 87526, 96484,111651 และ 122250 ของจำเลยที่ 1 มาขายทอดตลาด โจทก์เป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินโฉนดที่ 87526 ได้ ส่วนที่ดินที่เหลืออีก 3 แปลง นางสุภาณี หิรัญศุภโชติ เป็นผู้ประมูลซื้อได้ จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีมิได้แจ้งวันนัดขายทอดตลาดที่ดินให้จำเลยที่ 1 ทราบ และการขายทอดตลาดเป็นไปโดยมิชอบและฝ่าฝืนกฎหมาย โดย โจทก์กับพวกสมรู้กันประมูลซื้อทรัพย์โดย ไม่สุจริต และเจ้าพนักงานบังคับคดีขายที่ดินทั้ง 4 แปลงในราคาเพียง 543,000 บาทอันเป็นราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งมีราคาไม่น้อยกว่า 2,000,000บาท ขอให้มีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินทั้ง 4 แปลงดังกล่าวแล้วขายทอดตลาดใหม่
โจทก์คัดค้านว่า จำเลยที่ 1 ทราบวันนัดขายทอดตลาดทรัพย์แล้วแต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉยไม่มาทำการดูแลการขายทอดตลาด หรือคัดค้านราคา หรือหาผู้เข้าประมูลสู้ราคา เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการขายทรัพย์ไปตามระเบียบ และได้ขายให้แก่ผู้ประมูลซึ่งเสนอราคาสูงสุดอันเป็นราคาที่สมควรกับสภาพของทรัพย์และมีราคาเกินกว่าราคาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประเมินไว้ ขอให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยทราบวันนัดขายทอดตลอดแล้วและฟังไม่ได้ว่าราคาทรัพย์ที่ขายทอดตลาดต่ำกว่าราคาที่เป็นจริงและโจทก์ซื้อทรัพย์ไว้โดย ไม่สุจริต มีคำสั่งให้ยกคำร้องจำเลยที่ 1จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 87526, 96484, 111651 และ 122250 ของจำเลยที่ 1แล้วให้ดำเนินการขายทอดตลาดใหม่ นางสาวสุภาณี หิรัญศุภโชติผู้ซื้อทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นสมควรวินิจฉัยเสียก่อนว่า นางสาวสุภาณี หิรัญศุภโชติ ผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดมีสิทธิฎีกาหรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำนวนว่า เมื่อจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องลงวันที่ 14 มิถุนายน 2531 อ้างว่าการขายทอดตลาดเป็นไปโดย ไม่ชอบ ขอให้ศาลมีคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดนั้น ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไว้ที่หน้าแรกของคำร้องดังกล่าวว่า “นัดไต่สวน สำเนาให้โจทก์ เจ้าพนักงานบังคับคดีและผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดจะคัดค้านประการใดให้ยื่นคำคัดค้านเข้ามาก่อนหรือในวันนัด มิฉะนั้นถือว่าไม่คัดค้าน ให้ผู้ร้องนำส่งใน 7 วัน” และศาลชั้นต้นได้นัดไต่สวนวันที่ 27 กรกฎาคม 2531 ซึ่งต่อมาพนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดแจ้งให้ผู้ซื้อทรัพย์ทราบว่าจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดดังสำเนาคำร้องที่ส่งมาพร้อมหมายนี้ โดยส่งให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2531 ปรากฏตามรายการงานการเดินหมายเอกสารลำดับที่ 54 ในสำนวน แม้จะปรากฏตามสำเนาหมายนัดเอกสารอันดับ 41 (แผ่นที่ 2) ในสำนวนว่าในหมายนัดดังกล่าวมิได้แจ้งคำสั่งศาลที่ว่าจะคัดค้านประการใดให้ยื่นคำคัดค้านเข้ามาก่อนหรือวันนัด มิฉะนั้นให้ถือว่าไม่คัดค้านให้ผู้ซื้อทรัพย์ทราบด้วยก็ตาม แต่ก็ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม2531 ก่อนวันนัดไต่สวน ผู้ซื้อทรัพย์ได้ยื่นคำแถลงขออนุญาตถ่ายคำร้องที่จำเลยที่ 1 ร้องคัดค้านการขายทอดตลาดดังกล่าวพร้อมคำสั่งศาลด้วยซึ่งศาลชั้นต้นอนุญาตให้ถ่ายและผู้ซื้อทรัพย์ได้รับภาพถ่ายเอกสารดังกล่าวไปแล้วในวันที่ 1 กรกฎาคม 2531 นั้นเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ซื้อทรัพย์ได้ทราบคำสั่งศาลดังกล่าวข้างต้นแล้วแต่ไม่ปรากฏว่าผู้ซื้อทรัพย์ได้แถลงคัดค้านคำร้อง ของ จำเลยที่ 1ก่อนหรือในวันนัดไต่สวนแต่อย่างใด ในวันนัดไต่สวนครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2531 ผู้ซื้อทรัพย์ก็มาศาลและอยู่ฟังการพิจารณาโดย ตลอดก็มิได้แถลงคัดค้านคำร้อง ของ จำเลยที่ 1 ดังนั้นจึงต้องถือว่าผู้ซื้อทรัพย์ไม่ติดใจคัดค้านตามที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไว้แล้ว ผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่ได้เข้ามาในคดีเกี่ยวกับการร้องคัดค้านการขายทอดตลาดมาแต่แรก ผู้ซื้อทรัพย์จึงไม่มีสิทธิที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นคำพิพากษาที่วินิจฉัยข้อโต้แย้งระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 เท่านั้น ฉะนั้นศาลฎีกาจึงไม่อาจรับวินิจฉัยฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ได้”
พิพากษาให้ยกฎีกาของผู้ซื้อทรัพย์ คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดแก่ผู้ซื้อทรัพย์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ