คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยสั่งให้ส่งหมายนัดตามข้อความในคำสั่งของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา76วรรคหนึ่งคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ปิดหมายนัดจึงชอบแล้ว ว.เป็นทนายโจทก์โดยครั้งหลังสุดว. แจ้งที่อยู่ตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าอยู่บ้านเลขที่49/4หมู่11ถนนสุขาภิบาล3แขวงมีนบุรีเขตมีนบุรี ฉะนั้นบ้านเลขที่ดังกล่าวจึงเป็นภูมิลำเนาของว. การที่เจ้าพนักงานเดินหมายปิดหมายไว้ณบ้านเลขที่ดังกล่าวซึ่งเป็นภูมิลำเนาของว. จึงชอบแล้วและแม้โจทก์จะมีทนายความ2คนแต่ว. ก็เป็นทนายความซึ่งโจทก์ตั้งแต่งให้ว่าคดีการส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่ว.เพียงคนเดียวจึงเป็นการส่งโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา75ถือได้ว่าฝ่ายโจทก์ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจาก โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งมรดกให้โจทก์ครึ่งหนึ่งจำเลยให้การว่าโจทก์ไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องครอบครองที่ดินพิพาทและคดีขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2538
ต่อมาวันที่ 23 มีนาคม 2538 โจทก์ยื่นคำร้องว่าฝ่ายโจทก์ไม่ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพราะเจ้าพนักงานศาลไม่ได้ส่งหมายนัดให้ตัวโจทก์คงส่งให้นายวิรัช เทพโกศลประณิธิทนายโจทก์เพียงคนเดียว โดยไปส่งที่บ้านเลขที่ 49/4 หมู่ 11ถนนสุขาภิบาล 3 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งปรากฏตามรายงานของเจ้าพนักงานศาลผู้ส่งหมายว่า คนในบ้านแจ้งว่าทนายโจทก์ไม่ได้พักอาศัยอยู่และไม่มีผู้รับหมายไว้แทน จึงปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาล เนื่องจากนายวิรัชมีที่อยู่ตามใบแต่งทนายความที่บ้านเลขที่ 581 ถนนสุขุมวิท 71 แขวงคลองตัน เขตพระโขนงกรุงเทพมหานคร จึงยังถือไม่ได้ว่าฝ่ายโจทก์ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว ขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งว่าโจทก์ไม่ได้จงใจไม่มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และขอให้นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ใหม่ต่อไป
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว มี คำสั่ง ยกคำร้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าการส่งหมายนัดให้โจทก์ไม่ชอบ เพราะตัวโจทก์ไม่ได้รับหมายนัดทนายความโจทก์มี 2 คน แต่ศาลชั้นต้นส่งหมายนัดให้ทนายความเพียงคนเดียว คำสั่งให้ปิดหมายไม่ชอบ เพราะไม่มีทะเบียนบ้านยืนยันว่ามีชื่อโจทก์อยู่ในทะเบียนนั้น เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยสั่งให้ส่งหมายนัดตามข้อความในคำสั่งของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 76 วรรคหนึ่ง คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ปิดหมายนัดจึงชอบแล้ว ส่วนปัญหาว่าโจทก์ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่านายวิรัชเป็นทนายโจทก์และครั้งหลังสุดนายวิรัชแจ้งที่อยู่ตามอุทธรณ์ของโจทก์ ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2536 ว่า อยู่บ้านเลขที่49/4 หมู่ 11 ถนนสุขาภิบาล 3 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี ฉะนั้นบ้านเลขที่ดังกล่าวจึงเป็นภูมิลำเนาของนายวิรัชทนายโจทก์การที่เจ้าพนักงานเดินหมายปิดหมายไว้ ณ บ้านเลขที่ดังกล่าวซึ่งเป็นภูมิลำเนาของทนายโจทก์จึงชอบแล้วและแม้โจทก์จะมีทนายความ2 คน แต่นายวิรัชก็เป็นทนายความโจทก์ซึ่งโจทก์ตั้งแต่งให้ว่าคดีเช่นนี้ การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้แก่นายวิรัชทนายโจทก์เพียงคนเดียวจึงเป็นการส่งโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 75 ถือได้ว่าฝ่ายโจทก์ทราบวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share