แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
มูลคดี หมายถึงต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์เกิดอำนาจฟ้อง แต่ตามคำฟ้องของธนาคารโจทก์ที่ว่า ในทางบัญชีหลังจากจำเลยได้ทำสัญญาและรับบัตรเครดิตไปจากโจทก์จำเลยใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการหลายครั้งหลายหนประกอบกับสถานที่รับบัตรเครดิตคือธนาคารโจทก์สาขาหนองคาย ดังนั้น การอนุมัติและการออกบัตรเครดิตจึงเป็นเพียงขั้นตอนปฏิบัติระหว่างสำนักงานใหญ่กับสาขาหนองคาย เมื่อจำเลยทำสัญญาและรับบัตรเครดิตจากโจทก์สาขาหนองคายอันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จำเลยจะสามารถนำบัตรเครดิตไปชำระหนี้ค่าสินค้าและบริการจนเป็นเหตุพิพาทซึ่งเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิและมูลหนี้ตามฟ้องมูลคดีจึงมิได้เกิดในเขตศาลชั้นต้นที่สำนักงานใหญ่ของโจทก์ตั้งอยู่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2542 จำเลยยื่นใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตกรุงไทย อันเป็นสินเชื่อประเภทหนึ่งที่โจทก์ให้บริการแก่ลูกค้า โดยขอให้โจทก์สาขาหนองคายเป็นผู้จัดส่งเอกสารดังกล่าวมายังสำนักงานใหญ่ของโจทก์ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งโจทก์สำนักงานใหญ่อนุมัติให้จำเลยเป็นสมาชิกผู้ถือบัตรเครดิตเลขที่ 456-2350-2344-5009วงเงินสินเชื่อ 100,000 บาท โดยจำเลยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขและวิธีการต่าง ๆ เช่นลูกค้าของโจทก์ประเภทนี้ทั่วไป ในทางบัญชีหลังจากจำเลยทำสัญญาและรับบัตรเครดิตไปจากโจทก์ จำเลยใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการหลายครั้งหลายหน โจทก์จ่ายเงินให้แก่ร้านค้าตามจำนวนเงินที่จำเลยใช้ไปทุกรอบบัญชี เมื่อตัดยอดการใช้บัตรเครดิตแต่ละรอบการตัดบัญชีโจทก์ส่งรายการใบแจ้งยอดหนี้ให้จำเลยทราบทุกครั้ง จำเลยนำเงินเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์เป็นครั้งคราวแล้วไม่นำเงินเข้าบัญชีเพื่อชำระหนี้ ทำให้ยอดเงินตามบัญชีจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ตลอดมา โจทก์คิดดอกเบี้ยตามสัญญา แต่จำเลยยังคงใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการเต็มวงเงินที่โจทก์อนุมัติ ก่อนฟ้องโจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงมีหนังสือบอกกล่าวเลิกสัญญา ซึ่งจำเลยได้รับแล้วเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2544 โจทก์สำนักงานใหญ่เป็นผู้อนุมัติสินเชื่อบัตรเครดิตแก่จำเลยถือว่ามูลคดีเกิด ณ สำนักงานใหญ่ของโจทก์ที่อยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น จึงขออนุญาตฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นและขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 97,681.88 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.75 ของต้นเงิน 83,016.48 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องและคำแถลงของโจทก์แล้วสั่งว่าตามคำแถลงของโจทก์ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2544 ว่า สำนักงานใหญ่ของโจทก์จะส่งผลการอนุมัติให้จำเลยตามที่อยู่ของจำเลยในใบสมัคร ซึ่งก็คือจังหวัดหนองคาย ดังนี้ถือว่ามูลคดีเกิดที่จังหวัดหนองคาย เมื่อจำเลยมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจของศาลนี้คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลนี้ ไม่รับฟ้อง คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดให้โจทก์
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลชั้นต้นหรือไม่ ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า คำว่า มูลคดี หมายถึงต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์เกิดอำนาจฟ้อง แต่ตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่า ในทางบัญชีหลังจากจำเลยได้ทำสัญญาและรับบัตรเครดิตไปจากโจทก์จำเลยใช้บัตรเครดิตชำระค่าสินค้าและบริการหลายครั้งหลายหน ประกอบสำเนาใบสมัครสมาชิกบัตรเครดิตกรุงไทยเอกสารท้ายคำฟ้องหมายเลข 4 ที่ระบุว่า สถานที่รับบัตรเครดิตคือธนาคารกรุงไทย สาขาหนองคาย มิใช่ที่สำนักงานใหญ่ของโจทก์ ดังนั้นการอนุมัติและการออกบัตรเครดิตจึงเป็นเพียงขั้นตอนปฏิบัติระหว่างโจทก์สำนักงานใหญ่กับสาขาหนองคาย เมื่อจำเลยทำสัญญาและรับบัตรเครดิตจากโจทก์สาขาหนองคายอันเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จำเลยจะสามารถนำบัตรเครดิตของโจทก์ไปชำระหนี้ค่าสินค้าและบริการจนเป็นเหตุพิพาทซึ่งเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิและมูลหนี้ตามฟ้อง หากปราศจากเหตุและขั้นตอนสุดท้ายดังกล่าวเสียแล้วโจทก์จำเลยย่อมไม่มีนิติสัมพันธ์เกี่ยวกับบัตรเครดิตหรือสินเชื่อต่อกัน เช่นนี้ มูลคดีนี้มิได้เกิดในเขตศาลชั้นต้น ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องโจทก์จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ”