คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 778/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้พนักงานอัยการจะ ได้ฟ้องขอให้ลงโทษ ส. ลูกจ้างของโจทก์และจำเลยที่ 1 ฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส และรถยนต์ทั้งสองคันเสียหาย ตามป.อ. มาตรา 300 พ.ร.บ. จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157 และศาลพิพากษาลงโทษ ส. แต่ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ก็ตาม เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากมูลกรณีรถชนกัน และในข้อหาความผิดต่อ พ.ร.บ. จราจรทางบก โจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องหรือขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้พนักงานอัยการจึงไม่อยู่ในฐานะฟ้องคดีอาญาแทนโจทก์ ผลแห่งคำพิพากษาคดีอาญาจึงไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งฟ้องคดีแพ่งว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์ในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถยนต์ของโจทก์ที่ ส. ลูกจ้างโจทก์เป็นผู้ขับ เพราะโจทก์ไม่ใช่คู่ความรายเดียวกัน จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งใหม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 ขับรถในทางการที่จ้างโดยประมาทชนรถของโจทก์ที่ ส. ลูกจ้างโจทก์ขับ ทำให้รถโจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ส. เป็นฝ่ายประมาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ได้ความว่า พนักงานอัยการจังหวัดนครนายกฟ้องนายสวน ศรีโพธิ์ ลูกจ้างโจทก์และจำเลยที่ 1 เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดนครนายก ฐานขับรถยนต์ โดยประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสและรถยนต์ทั้งสองคันเสียหายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43, 157 นายสวนให้การรับสารภาพ ศาลจังหวัดนครนายก วินิจฉัยว่า นายสวนขับรถยนต์โดยประมาท พิพากษาว่า นายสวนมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 3 เดือน ปรับ1,500 บาท นายสวนให้การรับสารภาพหลังจากสืบพยานแล้ว ลดโทษให้หนึ่งในสาม จำคุก 2 เดือน ปรับ 1,000 บาท ยกฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 โทษจำคุกนายสวนให้รอไว้มีกำหนด 1 ปี นายสวนอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีถึงที่สุด ในปัญหาที่ว่า นายสวน ลูกจ้างโจทก์ถูกศาลพิพากษาว่าขับรถยนต์โดยประมาท ศาลจำต้องถือเอาข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญานั้นมาใช้ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งนี้หรือไม่ เห็นว่า โจทก์คดีนี้ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากมูลกรณีรถชนกัน และคดีที่เกี่ยวกับการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบกโจทก์ก็ไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะมีอำนาจฟ้องหรือขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการได้ พนักงานอัยการจึงไม่อยู่ในฐานะฟ้องความแทนโจทก์ในคดีอาญาดังกล่าว ผลแห่งคำพิพากษาคดีอาญาดังกล่าวจึงไม่ผูกพันโจทก์ เพราะโจทก์ไม่ใช่คู่ความรายเดียวกัน จึงต้องพิจารณาฟังข้อเท็จจริงในคดีนี้ใหม่…”
พิพากษายืน

Share