แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การกระทำใดที่จะเป็นความผิดฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6 (2) และมาตรา 9 จะต้องได้ความว่าผู้นั้นมีส่วนร่วมรู้เห็น ร่วมวางแผน ตัดสินใจร่วมกันหรือแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี หรือการแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น อันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบตามความหมายในมาตรา 4 เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีส่วนร่วมรู้เห็น ร่วมวางแผนหรือเกี่ยวข้องกับการที่เด็กหญิง น. ไปชักชวนหรือใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายที่ 1 เพื่อให้ไปขายบริการทางเพศ โดยจำเลยรับผู้เสียหายที่ 1 ขึ้นรถยนต์พาเข้าโรงแรมเพื่อร่วมประเวณีกับผู้เสียหายที่ 1 อันเป็นความผิดต่างหากเฉพาะตัวจำเลยที่เกิดขึ้นหลังจาก เด็กหญิง น. และ ช. กระทำการเป็นธุระจัดหาผู้เสียหายที่ 1 ให้ไปค้าประเวณีอันเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์สำเร็จลงแล้ว พยานหลักฐานโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมคบกับเด็กหญิง น. และ ช. กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 277, 283 ทวิ, 317 พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6, 9, 10, 52
จำเลยให้รับสารภาพเฉพาะข้อหาพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร ข้อหาพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร และข้อหากระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 80, 283 ทวิ วรรคสอง, 317 วรรคท้าย (ที่ถูกวรรคสาม) พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6(2), 9 วรรคสอง, 52 วรรคสาม การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเพื่อการอนาจาร ฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีและฐานสมคบกันเพื่อค้ามนุษย์ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 8 ปี ฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร จำคุก 6 ปี รวมจำคุก 14 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยมีกำหนด 7 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 80, 283 ทวิ วรรคสอง เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 4 ปี และปรับ 8,000 บาท และให้ลงโทษปรับจำเลยฐานพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจารอีกสถานหนึ่ง เป็นเงิน 10,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 10 ปี ปรับ 18,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้วเป็นจำคุก 5 ปี และปรับ 9,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีนับตั้งแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ให้จำเลยฟัง ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติปีละ 3 ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรและทุกครั้งที่ไปรายงานตัวให้จำเลยกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 20 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงว่า จำเลยกระทำความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่สองคนเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ตามฟ้องโจทก์ข้อ ก. หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำใดที่จะเป็นความผิดฐานสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 6(2) และมาตรา 9 นั้น จะต้องได้ความว่าผู้นั้นมีส่วนร่วมรู้เห็น ร่วมวางแผน ตัดสินใจร่วมกันหรือแบ่งหน้าที่กันทำ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีหรือการแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น อันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบตามความหมายที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัตินี้ โดยกระทำการเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งเด็ก แต่จากทางนำสืบของโจทก์ได้ความเพียงว่า เด็กหญิง น. และนายชินกรร่วมกันพาผู้เสียหายที่ 1 มารอจำเลยที่ทางเข้าโรงแรมสองพี่น้องริมธารเพื่อขายบริการทางเพศ เมื่อจำเลยมาถึงเด็กหญิง น. บอกจำเลยว่าผู้เสียหายที่ 1 เป็นผู้ขายบริการทางเพศ และตกลงราคาค่าบริการ 1,200 บาท เท่านั้น โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีส่วนร่วมรู้เห็น ร่วมวางแผนหรือเกี่ยวข้องกับการที่เด็กหญิง น. ไปชักชวนหรือใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหายที่ 1 ที่บ้าน เพื่อให้ผู้เสียหายที่ 1 ไปขายบริการทางเพศจนผู้เสียหายที่ 1 ยินยอม อันจะถือว่าเป็นการสมคบกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ แม้จะได้ความจากเด็กหญิง น. และนายชินกรที่เบิกความเป็นเป็นพยานโจทก์ในทำนองเดียวกันว่า จำเลยโทรศัพท์หาเด็กหญิง น. บอกให้หาเด็กให้หน่อย ซึ่งมีความหมายในทำนองว่าจำเลยมีความประสงค์ที่จะขอซื้อบริการทางเพศก็เป็นเพียงการสอบถามไปยังเด็กหญิง น. ว่ามีหญิงใดที่จะขายบริการทางเพศแก่จำเลยหรือไม่ เท่านั้น ส่วนเด็กหญิง น. และนายชินกรจะมีหญิงมาเสนอขายบริการทางเพศหรือร่วมเป็นธุระจัดหาหญิงใดมาให้แก่จำเลยหรือไม่ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหากแยกจากกันทั้งไม่เป็นการก่อให้เด็กหญิง น. และนายชินกรไปกระทำการชักชวนหรือใช้อุบายหลอกลวงให้ผู้เสียหายที่ 1 ไปขายบริการทางเพศตามที่โจทก์ฎีกา เพราะอำนาจในการตัดสินใจอยู่ที่เด็กหญิง น. กับนายชินกรว่าจะกระทำตามที่จำเลยสอบถามมาหรือไม่หาใช่ต้องกระทำตามที่จำเลยสอบถามมาแต่อย่างใดไม่ และที่จำเลยรับผู้เสียหายที่ 1 ขึ้นรถยนต์กระบะของจำเลยและพาเข้าโรงแรมสองพี่น้องริมธารนั้นก็มีเจตนาเพียงเพื่อจะได้ร่วมประเวณีกับผู้เสียหายที่ 1 อันเป็นความผิดต่างหากเฉพาะตัวจำเลยที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่เด็กหญิง น. กับนายชินกรกระทำการเป็นธุระจัดหาผู้เสียหายที่ 1 ให้ไปค้าประเวณีอันเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์สำเร็จลงแล้ว พยานหลักฐานโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยสมคบกับเด็กหญิง น. และนายชินกร โดยการตกลงกันเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามฟ้องข้อ ก. ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องโจทก์ในความผิดดังกล่าวมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน