แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ดีกาคำสั่งชั้นบังคับคดีเปนฟ้องดีกาตามป.ม.วิ.แพ่งม. 1(3) ซึ่งต้องเสียค่าขึ้นสาลตาม ม. 149,150.
ดีกาคำสั่งเรื่องแปลความหมายไนคำพิพากสาของสาลนั้นเปนคำขอไห้ปลดเปลื้องทุขไม่อาดคำนวนเปนราคาเงินได้ จึงต้องเรียกค่าขึ้นสาลตามข้อ 2 ไนตาราง 1 ท้ายป.ม.วิธีพิจารนาแพ่ง,
คำพิพากสาสาลชั้นต้นซึ่งมีความว่าไห้จำเลยปติบัติตามที่สาลสั่งบังคับไน 1 เดือนนั้นหมายฉเพาะบังคับจำเลยซึ่งเปนฝ่ายแพ้ไม่ไช่บังคับฝ่ายโจทด้วย.
ย่อยาว
คดีนี้เปนเรื่องชั้งบังคับคดี สาลชั้นต้นพิพากสาไห้จำเลยยอมไห้โจทไถ่การขายฝากที่ดิน บังคับไน ๑ เดือน
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่า โจทไม่นำเงินมาไถ่ที่ดินไน ๑ เดือน ขอไห้สาลสั่งว่าที่พิพาทตกเปนสิทธิแก่จำเลยสาลสั่งว่าโจทไม่จัดการตามคำบังคับของสาลพายไน ๑ เดือนไห้ที่ดินตกเปนของจำเลย
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์เห็นว่าคำว่าบังคับไน ๑ เดือนเข้าไจได้ว่าบังคับฝ่ายแพ้คือจำเลย ไม่ไช่บังคับโจท สาลชั้นต้นสั่งนอกเหนือคำพิพากสา จึงไห้ยกคำสั่งสาลชั้นต้น
จำเลยดีกา สาลชั้นต้นสั่งว่าเรื่องนี้เปนการดีกาคำสั่งชั้นบังคับคดี จึงไม่ต้องเสียค่าขึ้นสาลตามดีกาที่ ๗๐๐/๒๔๘๒
สาลดีกาเห็นว่าดีกาคำสั่งชั้นบังคับคดีเปนฟ้องดีกาตามประมวนกดหมายวิธิพิจารนาความแพ่งมาตรา ๑(๓) จึงต้องเสียค่าขึ้นสาลตามมาตรา ๑๔๙,๑๕๐ และเรื่องนี้เปนเรื่องแปลความหมายไนคำพิพากสา จึงเปนคำขอไห้ปลดเปลื้องทุขไม่อาดคำนวนเปนราคาเงินได้ ต้องเรียกค่าขึ้นสาลตามข้อ ๒ ไนตาราง ๑ คือ ๑๕ บาท
ส่วนที่สาลชั้นต้นมีคำสั่งหลังคำพิพากสาว่า บังคับไน ๑ เดือนหมายถึงบังคับโจทฝ่ายชนะคดีด้วยนั้น เมื่อพิเคราะห์ถ้อยคำแล้ว เห็นว่าเปนการสั่งบังคับจำเลยฝ่ายเดียวและส่วนที่สั่งไห้ที่ดินตกเปนสิทธิแก่จำเลยก็เปนการสั่งที่นอกเหนือจากข้อความที่กำหนดไว้ไนคำพิพากสา จึงพิพากสายืน