คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7757/2546

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนท้องถิ่นของจำเลยที่ 2 ว่า เด็กหญิง ญ. เป็นบุตรของจำเลยที่ 1 กับ บ. เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 หลงเชื่อจึงออกสูติบัตรให้ ไม่มีข้อความตอนใดที่พาดพิงถึงโจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของ บ. สูติบัตรที่ออกให้ก็ไม่มีข้อความเกี่ยวพันถึงโจทก์ทั้งสอง การยื่นคำร้องและการแจ้งข้อความขอออกสูติบัตรที่จำเลยที่ 1 กระทำต่อเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ก็ดี การที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ออกสูติบัตรก็ดี จึงไม่เป็นกรณีที่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ทั้งสองตามกฎหมายแพ่ง และไม่เป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองจะต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 แม้หากยังปล่อยให้จำเลยที่ 1 ใช้สูติบัตรเท็จแสดงต่อบุคคลทั่วไป และนำมายื้อแย่งมรดกของ บ. ก็เป็นเรื่องที่จะต้องมีการพิสูจน์ไปตามขั้นตอนว่าเด็กหญิง ญ. เป็นบุตรของ บ. จริงหรือไม่ เป็นคดีต่างหาก กรณีเกี่ยวกับสูติบัตรของเด็กหญิง ญ. ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายบุณย์ กัมมารังกูร โจทก์ที่ 2 เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของนายบุณย์ กัมมารังกูร ซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2538 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนท้องถิ่นของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2536 ว่า เด็กหญิงญานี กัมมารังกูร เป็นบุตรของจำเลยที่ 1 กับนายบุณย์ กัมมารังกูร เกิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2534 แต่ยังไม่มีสูติบัตร เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 หลงเชื่อจึงได้ออกสูติบัตรของเด็กหญิงญานีให้เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสอง ขอให้พิพากษาว่าสูติบัตรของเด็กหญิงญานี กัมมารังกูร ฉบับลงวันที่ 9 กรกฎาคม 2536 เป็นเอกสารเท็จ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันดำเนินการเพิกถอนสูติบัตรเท็จดังกล่าว หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแสดงแทนเจตนาของจำเลยทั้งสอง

ศาลชั้นต้นพิจารณาคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า กรณีไม่มีข้อโต้แย้งสิทธิหรือจะต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ยกฟ้อง

โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายืน

โจทก์ทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสองว่า ตามคำฟ้องมีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ทั้งสองหรือเป็นกรณีจะต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 หรือไม่ปรากฏตามคำฟ้องของโจทก์ทั้งสองเป็นเรื่องกล่าวอ้างว่า จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องและแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนท้องถิ่นของจำเลยที่ 2 ว่า เด็กหญิงญานี กัมมารังกูรเป็นบุตรของจำเลยที่ 1 กับนายบุณย์ กัมมารังกูร เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 หลงเชื่อจึงออกสูติบัตรของเด็กหญิงญานีให้ เห็นว่า ในการยื่นคำร้องและแจ้งข้อความตามคำฟ้องดังกล่าว ไม่มีข้อความตอนใดที่พาดพิงถึงโจทก์ทั้งสอง สูติบัตรที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ออกให้ก็ไม่มีข้อความเกี่ยวพันถึงโจทก์ทั้งสองแต่อย่างใด การยื่นคำร้องและการแจ้งข้อความขอออกสูติบัตรที่จำเลยที่ 1 กระทำต่อเจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ก็ดี การที่เจ้าหน้าที่ของจำเลยที่ 2 ออกสูติบัตรของเด็กหญิงญานีก็ดี จึงไม่เป็นกรณีที่มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ทั้งสองตามกฎหมายแพ่ง และไม่เป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสองจะต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55ที่โจทก์ทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการเพิกถอนสูติบัตรของเด็กหญิงญานีเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่ 1 ซึ่งเป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนายบุณย์ และโต้แย้งสิทธิของโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของนายบุณย์ หากยังปล่อยให้จำเลยที่ 1ใช้สูติบัตรเท็จแสดงต่อบุคคลทั่วไป และนำมายื้อแย่งมรดกของนายบุณย์แล้วจะทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า หากมีกรณีเกิดขึ้นตามที่โจทก์ทั้งสองฎีกาก็เป็นเรื่องที่จะต้องมีการพิสูจน์ไปตามขั้นตอนว่าเด็กหญิงญานีเป็นบุตรของนายบุณย์จริงหรือไม่ เป็นคดีต่างหากกรณีเกี่ยวกับสูติบัตรของเด็กหญิงญานี ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยทั้งสองโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสอง คำสั่งและคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสองชอบแล้วฎีกาของโจทก์ทั้งสองฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share