คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 3 ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยาน 3 วันอ้างว่าเป็นเพราะความพลั้งเผลอและหลงลืมของทนาย กรณีไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะรับบัญชีระบุพยานของจำเลยที่ 3 ที่ยื่นเกินกำหนดนั้น และกรณีเช่นนี้จำเลยที่ 3 ย่อมไม่อาจนำพยานหลักฐานของตนเข้าสืบ และไม่อาจสาบานตนเข้าเบิกความเป็นพยานตนเองได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 3 ให้การต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์
จำเลยที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงได้ความว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2528 ให้นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 22 พฤศจิกายน 2528 เวลา 13.30 นาฬิกา ถึงวันนัดผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ทนายโจทก์ และทนายจำเลยที่ 3 มาศาลสืบพยานโจทก์ได้ 1 ปาก แล้วทนายโจทก์แถลงว่ายังติดใจสืบพยานอื่นต่อไป แต่วันนี้โจทก์นำพยานมาได้เพียง 1 ปาก จึงขอเลื่อนไปสืบพยานที่เหลือในนัดหน้า ทนายจำเลยที่ 3 ไม่ค้านศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไปสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยในวันที่ 24 ธันวาคม 2528 เวลา 13.30 นาฬิกา ถึงวันนัดจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องว่าเนื่องจากจำเลยที่ 3 ยังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดเพราะความพลั้งเผลอและหลงลืมของทนายจำเลยที่ 3 จึงขอยื่นบัญชีระบุพยานของจำเลยที่ 3 ท้ายคำร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ยกคำร้อง โจทก์นำพยานเข้าสืบได้อีก 1 ปาก แล้วขอเลื่อนคดี อ้างว่าพยานโจทก์อีก 2 ปากไม่มาศาลในวันนี้ทนายจำเลยที่ 3 ไม่ค้านและแถลงว่าจะหาทางเจรจากับโจทก์ต่อไปหากตกลงกันได้ก็จะทำยอม ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไปสืบพยานโจทก์วันที่ 24 มกราคม 2529 เวลา 13.30 นาฬิกา ถึงวันนัดทนายโจทก์และทนายจำเลยที่ 3 มาศาล จำเลยที่ 3 แถลงคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของจำเลยที่ 3 โจทก์แถลงไม่สืบพยานต่อไป ส่วนทนายจำเลยที่ 3 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่า จำเลยที่ 3 ล้มป่วยอย่างกะทันหันที่ต่างจังหวัด ศาลชั้นต้นสั่งว่าเมื่อนัดก่อนศาลมีคำสั่งไม่รับคำขอระบุพยานของจำเลยที่ 3 แล้ว จึงไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 3 เลื่อนคดี แล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีที่จำเลยที่ 3 ฎีกาว่า จำเลยที่ 3 มิได้มีเจตนาใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อเอารัดเอาเปรียบในเรื่องการระบุพยาน ศาลควรอนุญาตให้จำเลยที่ 3 ยื่นบัญชีระบุพยานได้นั้น เห็นว่าศาลได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2528 ให้นัดสืบพยานโจทก์วันที่ 22 พฤศจิกายน 2528 และได้มีหมายนัดให้จำเลยที่ 3 ทราบเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2528 แล้ว จำเลยที่ 3 จึงต้องยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคแรกซึ่งมีเวลาที่จะยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลถึง 18 วันนับว่าเป็นเวลานานพอที่ทำได้ และจำเลยที่ 3 ควรจะได้ตรวจดูสำนวนคดีของตนว่าได้ยื่นบัญชีระบุพยานของตนไว้ต่อศาลแล้วหรือไม่ แต่จำเลยที่ 3 มาร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2528 จึงเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคแรก ที่จำเลยที่ 3อ้างว่าเป็นเพราะความพลั้งเผลอและหลงลืมของทนายนั้นฟังไม่ขึ้นจึงไม่มีเหตุสมควรที่ศาลจะรับบัญชีระบุพยานของจำเลยที่ 3 ดังกล่าว และที่จำเลยที่ 3 ฎีกาเป็นข้อสุดท้ายว่า ควรให้จำเลยที่ 3 สาบานตนเข้าเบิกความเป็นพยานตนเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง นั้น เห็นว่าคดีนี้ศาลมิได้สั่งให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จึงไม่ใช่กรณีที่จำเลยจะอ้างสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 ได้ และเมื่อปรากฏว่าศาลได้สั่งไม่รับบัญชีระบุพยานแล้ว จำเลยที่ 3 ย่อมไม่อาจนำพยานหลักฐานหรือตนเองเข้าสืบได้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาจำเลยที่3 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 3 ใช้ค่าทนายความ 600 บาท แทนโจทก์’.

Share