แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำการพลั้งพลาดไปโดนคนอื่นตายหรือบาดเจ็บ ก็ต้องระบุว่าทำโดยเจตนา ถ้าไม่มีว่าจำเลยทำโดยเจตนา ไม่มีว่าจำเลยทำโดยสมคบกัน และไม่มีบรรยายฟ้องว่า ใครทำให้ใครตายหรือบาดเจ็บ ดั่งนี้ ถือว่าเป็นฟ้องเคลือบคลุม ให้ยกฟ้อง
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ถึง 3 รับราชการเป็นตำรวจภูธรประจำสถานีตำรวจอำเภออินทรบุรี จำเลยที่ 4-5 เป็นผู้ใหญ่บ้านในตำบลทองเอน จำเลยที่ 6 เป็นสารวัตรกำนันตำบลทองเอน เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2498 เวลากลางคืนจำเลยทั้ง 6 ได้ไปทำการจับนายจวน ภันเต ต้องหาว่าทำร้ายร่างกายได้เกิดยิงกันขึ้นระหว่างนายจวน ภันเตและจำเลยทั้ง 6 จำเลยทั้ง 6 คนยกปืนยิงนายจวนคนเดียว และจำเลยทั้ง 6 ขาดความระมัดระวังโดยรอบคอบเป็นเหตุให้กระสุนปืนพลาดที่หมายไปถูกนายลอง คำมั่น 1 นัด ตาย และถูกนายเทือง คำอ่อน นายเป้ ปู่ตะมา นายศิริ ช่วยประดับ คนละ 1 นัด บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่ตำบลทองเอน อำเภออินทรบุรี จังหวัดสิงห์บุรี โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 44, 63, 249, 250, 256
โจทก์ยื่นคำร้องต่อประธานศาลฎีกาขอให้โอนคดีมาพิจารณาที่ศาลอาญา ประธานศาลฎีกาอนุญาต ศาลอาญาไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูลตามฟ้อง เว้นแต่รูปคดีไม่เข้ามาตรา 250 แห่งกฎหมายอาญา จึงให้ประทับฟ้องไว้ตามมาตราดังกล่าว
จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิด และตัดฟ้องว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นตัดสินโดยมิได้สืบพยานว่า โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตาย และทำร้าย แต่มิได้ระบุว่า “จำเลยบังอาจมีเจตนาฆ่าหรือมีเจตนาทำร้ายร่างกาย” โจทก์บรรยายเป็นทำนองจำเลยทำโดยประมาท แต่มิได้ขอให้ลงโทษฐานทำให้คนตายหรือบาดเจ็บโดยประมาทแม้จะพิจารณาว่าจำเลยประมาทก็ลงโทษไม่ได้ เพราะโจทก์มิได้ประสงค์เช่นนั้น จึงมิได้ขอมา จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ พอถือได้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำโดยเจตนา จึงให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การทำร้ายผู้อื่นโดยพลั้งพลาดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 44 ก็ดี หรือตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 60 ก็ดี ต้องทำโดยเจตนา แต่ฟ้องของโจทก์ขาดไป และทั้งฟ้องมิได้กล่าวว่าจำเลยสมคบกันกระทำความผิด เป็นแต่บรรยายฟ้องว่า จำเลยทั้ง 6 ยกปืนยิงนายจวน การกระทำของจำเลยขาดความระมัดระวังเป็นเหตุให้กระสุนนั้นพลาดที่หมายไปถูกนายลอง คำมั่น ตายและถูกนายเทือง นายเป้ นายศิริบาดเจ็บสาหัส ซึ่งแม้จะพิจารณาได้ความดังโจทก์ฟ้องก็ลงโทษจำเลยคนใดไม่ได้ เพราะฟ้องมิได้กล่าวว่าจำเลยคนใดเป็นผู้ทำให้นายสอง คำมั่นตาย หรือทำให้นายเทือง นายเป้ นายศิริบาดเจ็บ ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมไม่ชัดเจน ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 จึงพิพากษาให้กลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์เสีย