คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7737/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าที่ดินเพื่อทำนาแล้วไม่ชำระค่าเช่านาในปี2527ถึงปี2530อ. ผู้รับมอบอำนาจผู้ให้เช่านาแจ้งบอกเลิกการเช่านาไปยังจำเลยและคชก.ตำบลแล้วตามสัญญาเช่านานั้นมีกำหนดเวลาเช่าถึงวันที่31มีนาคม2533จึงเป็นการบอกเลิกการเช่านาก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลาการเช่านาคชก.ตำบลได้ประชุมและมีมติให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างและให้จำเลยเช่าที่ดินต่อไปอ. อุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อคชก.จังหวัดคชก.จังหวัดได้ประชุมและมีมติให้จำเลยเช่าทีนาถึงวันที่31มีนาคม2533ซึ่งสิ้นสุดตามกฎหมายโดยจำเลยต้องชำระค่าเช่าที่ค้างมติดังกล่าวเป็นมติที่ได้วินิจฉัยในเรื่องการบอกเลิกการเช่านาและเรื่องให้จำเลยออกจากที่นาที่เช่าด้วยมติของที่ประชุมเป็นการวินิจฉัยข้อพิพาทของคู่กรณีดังกล่าวจำเลยเข้าร่วมประชุมและลงชื่อในบันทึกท้ายมติที่ประชุมได้ทราบเรื่องที่ประชุมตลอดจนมติที่ประชุมโดยตลอดแล้วแต่จำเลยไม่อุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดมติดังกล่าวย่อมถึงที่สุดจำเลยต้องปฏิบัติตามโดยผู้ให้เช่านาไม่จำต้องบอกเลิกการเช่านาอีกเมื่อครบกำหนดวันที่31มีนาคม2533จำเลยยังทำนาในที่นาที่เช่าอยู่ต่อมาเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคชก.จังหวัดที่ให้จำเลยออกจากนาโดยไม่มีเหตุอันสมควร

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดนครนายก ได้พิจารณาอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลบางลูกเสือที่วินิจฉัยให้จำเลยเป็นผู้เช่าทำนาในโฉนดที่ดินเลขที่ 1726 หมู่ที่ 6 ตำบลบางลูกเสืออำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก จากนางเชื่อม เจ้าของที่ดินดังกล่าวได้ต่อไป จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2533 หลังจากนั้นให้จำเลยออกไปจากนาที่เช่า จำเลยทราบคำสั่งแล้ว แต่ระหว่างวันที่ 1 เมษายน2533 ถึงวันที่ 12 เมษายน 2534 จำเลยยังคงทำนาต่อไปไม่ยอมออกจากที่ดิน อันเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดนครนายกที่ให้จำเลยออกจากที่นาที่เช่าโดยไม่มีเหตุอันสมควร เหตุเกิดที่ตำบลบางลูกเสืออำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 62
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2528 มาตรา 62ลงโทษจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่าจำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามคำสั่งของคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแล้ว ประกอบกับไม่ปรากฎว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อนจึงเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 1 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 27กรกฎาคม 2527 จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินของนายปั่นเพื่อทำนามีกำหนดการเช่า 6 ปี ต่อมานายปั่น ถึงแก่ความตาย จำเลยไม่ชำระค่าเช่านางเชื่อมผู้จักการมรดกของนายปั่นมอบอำนาจให้นายอำนวยแจ้งบอกเลิกการเช่านาของจำเลยไปยังจำเลย และคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลบางลูกเสือ คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลบางลูกเสือ ได้ประชุมและมีมติให้จำเลยชำระค่าเช่านาที่ค้าง และให้จำเลยเช่าที่ดินต่อไปได้ นายอำเภอยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดนครนายก คณะกรรมการได้เรียกประชุมเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2531 โดยนายอำนวยและจำเลยเข้าร่วมประชุมด้วย ที่ประชุมมีมติให้จำเลยชำระค่าเช่านาที่ค้างในปี 2527, 2528, 2530 และได้รับยกเว้นค่าเช่าปี 2529 และให้จำเลยทำนาจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2533 ซึ่งสิ้นสุดตามกฎหมาย จำเลยเข้าทำนาต่อมาจนกระทั่งถูกจับเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2534
มีปัญหาจะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่เห็นว่าคณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำจังหวัดนครนายกหรือ คชก. จังหวัดนครนายกได้ประชุมและมีมติเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน2531 โดยจำเลยร่วมประชุมด้วย ปรากฎว่า จำเลยได้ลงชื่อในบันทึกท้ายมติที่ประชุมในฐานะผู้เช่านาไว้ ดังนั้น จำเลยเข้าร่วมประชุมและลงชื่อในบันทึกมติที่ประชุมย่อมจะทราบเรื่องที่ประชุมจนถึงมติของที่ประชุมโดยตลอด ข้ออ้างที่ว่าไม่ทราบเรื่องและมติของที่ประชุมเพราะไม่ได้อ่านให้ฟังนั้นไม่อาจรับฟังได้ สำหรับมติของ คชก.จังหวัดนครนายกนั้นสืบเนื่องมาจากจำเลยเช่าที่ดินเพื่อทำนา แล้วไม่ชำระค่าเช่านาในปี 2527 ถึงปี 2530 นายอำนวยผู้รับมอบอำนาจจากผู้ให้เช่านาแจ้งบอกเลิกการเช่านาไปยังจำเลยและ คชก.ตำบลบางลูกเสือแล้ว ตามสัญญาเช่ากำหนดเวลาเช่าถึงวันที่ 31 มีนาคม2533 จึงเป็นการบอกเลิกการเช่านาก่อนสิ้นกำหนดระยะเวลาการเช่านาคชก.ตำบลบางลูกเสือได้ประชุมและมีมติให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างและให้จำเลยเช่าที่ดินต่อไป นายอำนวยได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยต่อคชก.จังหวัดนครนายก คชก.จังหวัดนครนายกได้ประชุมและมีมติให้จำเลยผู้เช่านาจนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2533 ซึ่งสิ้นสุดตามกฎหมายโดยที่จำเลยจะต้องชำระค่าเช่านาปี 2527, 2528 และปี 2530 ยกเว้นไม่ต้องชำระค่าเช่านาปี 2529 มติดังกล่าวจึงเป็นมติที่ได้วินิจฉัยในเรื่องการบอกเลิกการเช่านาของจำเลย ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 มาตรา 31 ซึ่งในการประชุมดังกล่าวที่นายสาลีจ่าจังหวัดเสนอว่าในปี 2533 ไม่ต้องตกลงในเรื่องเลิกการเช่านา เนื่องจากได้เป็นไปตามกฎหมายที่จะต้องออกจากการทำนาเช่าผืนนี้ เพียงแต่ผู้ให้เช่าบอกเลิกการเช่าตามกฎหมายก็จะต้องจากการทำงาน ฉะนั้น จึงไม่เป็นปัญหา ไม่ต้องตกลงกันในเรื่องเลิกการเช่านาเมื่อหมดสัญญาเช่า ควรตกลงกันในเรื่องค่าเช่านาเท่านั้นก็เป็นข้อเสนอมาจากที่ประธานที่ประชุมเสนอในการไกล่เกลี่ยคู่กรณีให้ตกลงกันโดยผู้ให้เช่านาชี้แจงว่าไม่ประสงค์จะต่อรองราคา จะไม่เรียกเก็บค่าเช่านาจำนวน 5 ปี ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าจำเลยต้องเลิกการเช่านาเนื่องจากไม่ยอมชำระค่าเช่าติดกันเป็นเวลา 3 ปี ประธานที่ประชุมจึงเสนอว่าหากจำเลยประสงค์จะชำระค่าเช่านาจะต้องการอย่างไรผู้ให้เช่านาเสนอว่าหากจะจ่ายค่าเช่าจะจ่ายเท่าไรก็ยินดีรับแต่มีข้อแม้ว่าจะทำต่อไปอีกกี่ปีหรือจะทำแค่หมดสัญญาปี 2533 แล้วเลิกการทำนานายสาลีจ่าจังหวัดจึงเสนอข้อพิจารณาว่า ในปี 2533 ไม่ต้องตกลงในเรื่องเลิกการเช่านาดังกล่าว ซึ่งต่อมาที่ประชุมจึงพิจารณาตกลงในเรื่องค่าเช่านา จนเป็นที่ตกลงกันโดยจำเลยเสนอว่าจำเลยยินยอมจะชำระค่าเช่านาในปี 2527, 2528 ในปี 2529 ยกเว้นค่าเช่าตามมติของ คชก.ตำบลบางลูกเสือ ส่วนในปี 2530 จ่ายให้เต็มตามสัญญาเช่า ผู้ให้เช่าเสนอว่า ยินยอมและขอให้ที่ประชุมได้มีมติว่าในปี 2527, 2528 ชำระค่าเช่านาให้จำนวน 7,000 บาท ในปี 2529ยกเว้นค่าเช่านาตามมติ คชก.ตำบลบางลูกเสือ ส่วนในปี 2530จ่ายค่าเช่าให้ตามสัญญาจนถึงปี 2533 แล้วหมดสิทธิการเช่านาผืนนี้ตามกฎหมาย ประธานที่ประชุมเสนอว่า ได้ หากต้องการจะให้ที่ประชุมมีมติให้เช่าการทำนาจนถึงปี 2533 แล้วหมดสิทธิการเช่านาผืนนี้ตามกฎหมายและขอมีมติที่ประชุม ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้จำเลยทำนาจนถึงวันที่ 30 มีนาคม 2533 ซึ่งสิ้นสุดตามกฎหมายโดยจำเลยต้องชำระค่าเช่าปี 2527, 2528 และปี 2530 ส่วนในปี 2529 ยกเว้นไม่ต้องชำระค่าเช่านา ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ที่ประชุมได้พิจารณาในเรื่องการบอกเลิกการเช่านาและเรื่องให้จำเลยออกจากที่นาที่เช่าด้วยมติของที่ประชุมจึงเป็นการวินิจฉัยข้อพิพาทของคู่กรณีดังกล่าว จำเลยมิได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดนครนายกดังกล่าว มติดังกล่าวย่อมเป็นที่สุด จำเลยจึงต้องปฏิบัติตามมติดังกล่าว โดยผู้ให้เช่านาไม่จำต้องบอกเลิกการเช่านาอีก เมื่อครบกำหนดถึงวันที่ 31 มีนาคม2533 จำเลยยังทำนาในที่นาที่เช่าอยู่ต่อมา จึงเป็นการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของ คชก.จังหวัดนครนายกที่ให้จำเลยออกจากนาโดยไม่มีเหตุอันสมควร จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ บังคับคดี ตาม คำพิพากษา ศาลชั้นต้น

Share