แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนา ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยฆ่าคนตายโดยประมาท โจทก์จะฎีกาในข้อที่ว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนาอีกไม่ได้ ต้องห้ามตามมาตรา 219 ป.วิ.อาญา
โจทก์กล่าวในฟ้องและมุ่งประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนา แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความว่า จำเลยฆ่าคนโดยประมาท ซึ่งลักษณะความผิดและโทษต่างกันห่างไกลมาก เรียกได้ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง และไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ต้องตามนัยของมาตรา 192 วรรค 2 และ 3 แห่ง ป.วิ.อาญา ลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
ได้ความว่า นายกระจ่างผู้ตายสามีโจทก์เป็นหัวหน้ากรรมกรในโรงสี ได้พาพรรคพวกพร้อมด้วยสาตราวุธมาขู่บังคับให้จำเลยปล่อยพวกกรรมกรที่เล่นการพะนัน และถูกจำเลยจับกุมไว้ตามหน้าที่ แสดงกิริยารุกจะทำร้ายจำเลยผู้เป็นเจ้าพนักงาน ซึ่งอยู่ในที่นั้นแต่ผู้เดียว จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป ๑ นัด ถูกนายกระจ่างล้มลง จำเลยถึงลูกเลื่อนขึ้นลำกล้อง แล้วนิ้วมือจำเลยไปถูกไกปืนโดยความประมาท กระสุนปืนลั่นไปถูกผู้ตายอีก ๑ นัด นายกระจ่างได้ขาดใจตายในตอนหลังนี้ โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๔๙, ๒๕๐.
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยใช้ปืนยิงนายกระจ่างนัดแรกในเวลาฉุกเฉิน ถือว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ แต่การที่จำเลยได้ทำปืนลั่นถูกนายกระจ่างอีกนัดหนึ่ง มีผลให้กระจ่างตายในตอนนั้น เรียกได้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาท มีผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๒๕๒ ให้จำคุก ๓ เดือน แต่ให้รอการลงอาญาไว้
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น และเห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนาอย่างเดียว แต่ตามทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยกระทำให้นายกระจ่างตายโดยประมาท ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณา จึงต่างกับฟ้อง และไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจะลงโทษจำเลยฐานนี้ไม่ได้ ตาม ป.วิ.อาญา.มาตรา ๑๙๒ วรรค ๒, ๓ พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่เห็นว่า ข้อที่โจทก์หาว่าจำเลยฆ่าคนตายโดยเจตนาเป็นอันเสร็จสิ้นไป โดยศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นว่า จำเลยไม่มีผิด ฎีกาโจทก์ในข้อนี้ต้องห้ามตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๒๑๙ คงเหลือแต่ข้อที่ว่าจำเลยจะมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยประมาทหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แม้ในชั้นฎีกา โจทก์ก็ยังคงยืนยันมาอีก เมื่อข้อเท็จจริงไม่สมฟ้อง กลับได้ความว่า จำเลยฆ่าคนโดยประมาท ซึ่งลักษณะความผิด และโทษต่างห่างไกลกันมาก เรียกได้ว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามทางพิจารณา ต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง และไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ต้องตามนัยมาตรา ๑๙๒ วรรค ๒ และ ๓ แห่ง ป.วิ.อาญา
พิพากษายืน