คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7711/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การเล่นที่เสี่ยงโชคให้เงินแก่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่งตามบัญชี ข. อันดับที่ 16 ตามพระราชบัญญัติการพนันฯ ต้องมีลักษณะคล้ายกับการเล่นการพนันสลากกินแบ่งหรือสลากกินรวบด้วย แต่การพนันทายฟุตบอลไม่มีลักษณะคล้ายกับการเล่นการพนันสลากกินแบ่งหรือสลากกินรวบ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง อย่างไรก็ตามการพนันทายฟุตบอลเป็นการเล่นอื่นใดนอกจากที่กล่าวในมาตรา 4 จะพนันกันหรือจะจัดให้มีเพื่อให้พนันกันได้เฉพาะการเล่นที่ระบุชื่อและเงื่อนไขไว้ในกฎกระทรวง ซึ่งมาตรา 4 ทวิ วรรคสอง ให้ความหมายคำว่า “การเล่น” หมายความรวมตลอดถึงการทายและการทำนายด้วย การเล่นพนันดังกล่าวต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงาน เมื่อจำเลยเล่นการพนันทายผลฟุตบอลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 4 ทวิ กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคห้า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันเล่นการพนันทายผลฟุตบอลซึ่งเป็นการเล่นที่เสี่ยงโชคให้เงินแก่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่งอันเป็นการพนันประเภทต้องขออนุญาต จำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายมีผู้นำเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมโพยทายผลฟุตบอล โปรแกรมราคาทายฟุตบอลนิตยสารกีฬา ปากกาอันเป็นเครื่องมือและทรัพย์สินที่ใช้ในการเล่น จับได้ในวงเล่นเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6,10, 12, 15 ริบของกลาง และให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับตามกฎหมาย

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 5, 6, 10, 12 จำคุก 4 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 เดือนริบของกลางและยกคำขอให้จำเลยจ่ายเงินสินบนนำจับ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยเสียก่อนว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์บรรยายฟ้องไว้ในบันทึกคำฟ้องด้วยวาจา จำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่27 กันยายน 2543 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันเล่นการพนันทายผลฟุตบอล ซึ่งเป็นการเล่นที่เสี่ยงโชคให้เงินแก่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง อันเป็นการพนันประเภทต้องขออนุญาตตามบัญชี ข. อันดับที่ 16 ตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478พนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานโดยจำเลยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ เห็นว่า การเล่นที่เสี่ยงโชคให้เงินแก่ผู้เล่นคนใดคนหนึ่งตามบัญชี ข. อันดับที่ 16 ตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 ต้องมีลักษณะคล้ายกับการเล่นการพนันสลากกินแบ่งหรือสลากกินรวบด้วย แต่การพนันทายผลฟุตบอลไม่มีลักษณะคล้ายกับการเล่นการพนันสลากกินแบ่งหรือสลากกินรวบ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง อย่างไรก็ตามการพนันทายผลฟุตบอลเป็นการเล่นอื่นใดนอกจากที่กล่าวในมาตรา 4 จะพนันกันหรือจะจัดให้มีเพื่อให้พนันกันได้เฉพาะการเล่นที่ระบุชื่อและเงื่อนไขไว้ในกฎกระทรวงซึ่งมาตรา 4 ทวิ วรรคสองให้ความหมายคำว่า “การเล่น” หมายความรวมตลอดถึงการทายและการทำนายด้วย การเล่นพนันดังกล่าวต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงาน เมื่อจำเลยเล่นการพนันทายผลฟุตบอลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามมาตรา 4 ทวิกรณีเป็นเรื่องที่โจทก์อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานความผิดที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคห้า ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยเองได้แม้ไม่มีคู่ความยกขึ้นในชั้นฎีกา ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้นเห็นว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้พร้อมโพยทายผลฟุตบอลถึง 32แผ่น โพยส่วนใหญ่เป็นแบบพิมพ์ใช้สำหรับทายผลฟุตบอลโดยเฉพาะนอกจากนี้ยังยึดได้โปรแกรมราคาทายฟุตบอลอีก 41 แผ่นแสดงให้เห็นว่าจำเลยเป็นเจ้ามือการพนันรายใหญ่ มีการเล่นได้เสียเป็นอาชีพพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยนับว่าร้ายแรง การที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยและกำหนดมาตรการในการคุมความประพฤติจึงยังไม่เหมาะสมกับสภาพความผิดและยังไม่เพียงพอที่จะทำให้จำเลยเกรงกลัวหรือหลาบจำ ที่จำเลยฎีกาอ้างว่า จำเลยกำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีสถาบันราชภัฏนครราชสีมา นั้น เห็นว่า จำเลยอายุ 27 ปี ทั้งกำลังศึกษาเล่นเรียนอยู่ ย่อมมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและย่อมรู้ดีว่าการเล่นการพนันเป็นอบายมุขและผิดกฎหมาย ก่อให้เกิดปัญหาสังคมบ่อนทำลายเศรษฐกิจของประเทศชาติและเป็นการมอมเมาประชาชนให้ลุ่มหลงในอบายมุข จำเลยอยู่ในระดับปัญญาชนควรเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมแต่กลับมากระทำความผิดเสียเอง จึงไม่สมควรรอการลงโทษให้ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษให้นั้นเหมาะสมแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4 ทวิ, 5, 6, 10, 12 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share