คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 769/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อกที่บ้านจำนวน 2 วง โดยแต่ละวงมีผู้เข้าร่วมเล่นหลายคน การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดกรรมเดียว แต่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 1 เป็น 2 คดี ตามจำนวนวงการพนันในข้อหาว่าเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อก เมื่อคดีสำนวนหนึ่งศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลยที่ 1 ไปแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 อีกคดีหนึ่ง ย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4).(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันเล่นการพนันป๊อก พนันเอาทรัพย์สินกันโดยจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าสำนักจัดให้มีการเล่นส่วนจำเลยนอกนั้นเป็นผู้ร่วมเล่น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 10, 12, 15 ริบของกลางและจ่ายสินบนนำจับ นับโทษจำเลยที่ 1 ติดต่อกับโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 890/2530 ของศาลชั้นต้น
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4, 10, 12, 15 จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว สำหรับจำเลยที่ 1 ให้จำคุก 2 เดือน และปรับ 1,050 บาท จำเลยนอกนั้นปรับคนละ 840 บาท โทษจำคุกจำเลยที่ 1 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี หากไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน ของกลางริบ และจ่ายสินบนนำจับตามกฎหมาย คำขออื่นให้ยกเพราะคดีที่ขอให้นับโทษต่อยังมิได้มีคำพิพากษา
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษและไม่ปรับสำหรับจำเลยที่ 1 และให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อกับโทษจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 890/2530 ของศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกาโดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อกที่บ้านจำเลยที่ 1 โดยมีผู้ร่วมเล่นการพนันซึ่งรวมทั้งจำเลยที่ 1 ด้วย จำนวน 23 คน และแยกกันเล่นเป็น 2 วง การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดกรรมเดียว แต่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยที่ 1เป็น 2 คดี ตามจำนวนวงการพนันในข้อหาว่าเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันป๊อก คือ คดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่890/2530 ของศาลชั้นต้น เมื่อคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 890/2530ของศาลชั้นต้นนั้นมีคำพิพากษาศาลเสร็จเด็ดขาด ลงโทษจำเลยที่ 1ไปแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)’
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share