แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลกำหนดเวลานัดสืบพยานโจทก์ไว้เวลา 9.00 น. จนถึงเวลา 9.35 น. โจทก์และทนายก็ยังไม่มาศาล จำเลยขอให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลจึงสั่งให้โจทก์ขาดนัดพิจารณาต่อมา 9.45 น. โจทก์และทนายกับพยานก็มาศาล แล้วยื่นคำร้องแสดงถึงเหตุจำเป็นที่ต้องมาศาลล่าช้ากว่ากำหนดและมีพยานมาพร้อมที่จะให้ศาลสืบได้ เช่นนี้ จะฟังว่า โจทก์จงใจขาดนัดยังไม่ถนัด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ สมคบกับจำเลยที่ ๒ เอาที่นาของโจทก์ ไปขายให้แก่จำเลยที่ ๒ ขอให้เพิกถอน
จำเลยต่อสู้ว่า นาพิพาทเป็นของจำเลยที่ ๑ ขายโดยสุจริต
ในการพิจารณา โจทก์รับนำสืบก่อน
ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๒ เวลา ๙.๐๐ น. ถึงวันนัด ปรากฏว่า จนเวลา ๙.๓๕ น. ตัวโจทก์ ทนายโจทก์และพยานโจทก์ไม่มาศาล ฝ่ายจำเลยมาศาล แถลงขอให้ศาลดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาคดีจำเลยไปฝ่ายเดียว โดยนัดสืบพยานจำเลยวันที่ ๒๕ เดือนนั้นในวันนั้นเองเวลา ๑๐.๒๐ น. โจทก์ยื่นคำร้องว่า ทนายโจทก์มาศาลสายไป เพราะพอแต่งตัวเสร็จเกิดปวดท้องต้องเข้าห้องส้วม มาถึงศาลแล้ว ขอให้ศาลสั่งสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง โจทก์ยื่นคำแถลงต่อศาลอีกว่า มาศาลสายมิได้เกิดจากการจงใจ ขอให้โจกท์นำพยานเข้าสืบ ศาลสั่งรวมเรื่องไว้
เมื่อสืบพยานจำเลยแล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่ถนักจะฟังว่าโจทก์จงใจขาดนัดจึงพิพากษาคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ โดยให้สืบพยานโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ เพราะปรากฏว่า ภายหลังที่ศาลสั่งแสดงว่า โจทก์ขาดนัดแล้วชั่วเวลาเพียงเล็กน้อย โจทก์มาศาลและยื่นคำร้องแสดงถึงเหตุจำเป็นที่ต้องมาศาลล่าช้ากว่ากำหนด และมีพยานมาพร้อมที่จะให้ศาลสืบต่อไป
จึงพิพากษายืน