คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7679/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

กรณีที่บุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ต้องเป็นกรณีจำเป็นจะต้องมาร้องขอต่อศาล เพื่อให้ได้รับความรับรองหรือคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่ โดยจะต้องมีกฎหมายระบุไว้แจ้งชัดให้กระทำได้ แต่ที่ผู้ร้องอ้างเหตุผลมาในคำร้องว่าผู้ร้องมีสิทธิครอบครองที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1367 และเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินนั้นหาได้ให้สิทธิแก่ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแต่ฝ่ายเดียวได้ หากผู้ร้องเห็นว่าผู้ร้องมีสิทธิครอบครองในที่ดินและถูกโต้แย้งสิทธิประการใดก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลโดยทำเป็นคำฟ้องอันเป็นคดีมีข้อพิพาท หาใช่เสนอคดีโดยทำเป็นคำร้องขออันเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทไม่

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรนายละออง ประเสริฐดี นายละอองถึงความตายเมื่อปี 2525ระหว่างมีชีวิตอยู่ นางละอองมีที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 939 พร้อมบ้านที่ปลูกอยู่บนที่ดิน นายละอองได้ยกที่ดินพร้อมบ้านเลขที่ดังกล่าวให้แก่ผู้ร้อง นับแต่นายละอองยกที่ดินพร้อมบ้านเลขที่ดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องผู้ร้องเข้าครอบครองยึดถือที่ดินเพื่อตนเองตลอดมา โดยปลูกมันต้นยูคาลิปตัส และอื่น ๆ เพื่อยังชีพ ไม่มีผู้ใดเข้าเกี่ยวข้องหรือคัดค้าน ทั้งหลังจากนายละอองถึงแก่ความตายผู้ร้องเข้าพักอาศัยในบ้านเลขที่ 112 ในฐานะเจ้าบ้านอีกด้วย ผู้ร้องจึงได้สิทธิครอบครองที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367และเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน ต่อมาเมื่อกลางปี 2538 เจ้าพนักงานที่ดินรังวัดแนวเขตเพื่อออกโฉนดที่ดินแต่ที่ดินของผู้ร้องยังเป็นชื่อนายละอองอยู่ เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งว่าจะต้องออกโฉนดที่ดินในนามของผู้มีชื่อเดิมไม่อาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อให้เป็นของผู้ร้องได้ให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อแสดงว่าผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินก่อน จึงจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อในโฉนดที่ดินที่จะออกให้ได้ให้มีคำสั่งว่า ผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1367 และเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์และให้แจ้งคำสั่งไปยังเจ้าพนักงานที่ดิน
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งว่า กรณีตามคำร้องขอไม่มีกฎหมายสนับสนุนให้ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลได้ ให้ยกคำร้องขอ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ผู้ร้องอ้างเหตุมาในคำร้องว่าผู้ร้องมีสิทธิครอบครองที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1367 และเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดินแต่ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ยังเป็นชื่อนายละออง ประเสริฐดี เจ้าพนักงานที่ดินไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชื่อในทะเบียนให้เป็นชื่อผู้ร้องในโฉนดที่ดินที่จะออกให้ได้นั้นเห็นว่า กรณีที่บุคคลใดจะต้องใช้สิทธิทางศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ต้องเป็นกรณีจำเป็นจะต้องมาร้องขอต่อศาลเพื่อให้ได้รับความรับรองหรือคุ้มครองสิทธิของตนที่มีอยู่ โดยจะต้องมีกฎหมายระบุไว้แจ้งชัดให้กระทำได้แต่บทกฎหมายที่ผู้ร้องอ้างมานั้น หาได้ให้สิทธิแก่ผู้ร้องใช้สิทธิทางศาลโดยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแต่ฝ่ายเดียวได้หากผู้ร้องเห็นว่าผู้ร้องมีสิทธิครอบครองในที่ดินและถูกโต้แย้งสิทธิประการใด ก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลโดยทำเป็นคำฟ้องอันเป็นคดีมีข้อพิพาท หาใช่เสนอคดีโดยทำเป็นคำร้องขออันเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทไม่ ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องขอของผู้ร้องศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share