คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7670/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ส่งใบโปรฟอร์มาอินวอยซ์ไปถึงจำเลยที่ 1 มีรายละเอียดของสินค้าราคาและวิธีการชำระหนี้ ย่อมเป็นคำเสนอขายสินค้าเสนอต่อจำเลยที่ 1 แล้ว เมื่อจำเลยที่ 2 ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการอาวุโสฝ่ายจัดซื้อของจำเลยที่ 1 ลงชื่อในช่องผู้ซื้อในเอกสารดังกล่าวแล้วส่งคืนให้โจทก์ย่อมเป็นการแสดงเจตนาสนองรับซื้อแทนจำเลยที่ 1 สัญญาซื้อขายเม็ดพลาสติกรายนี้จึงเกิดขึ้นมีผลผูกพันโจทก์และจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 ยอมรับรู้ให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ในการซื้อสินค้าจากโจทก์ จำเลยที่ 1 จึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า การค้าขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1มุ่งเอาการที่จำเลยที่ 1 เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตให้โจทก์ก่อนจึงจะถือว่าการซื้อขายสำเร็จไปแต่ละรายการ แต่จำเลยที่ 1 มิได้ยกความข้อนี้ขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยเกี่ยวกับค่าเสียหายทุกรายการไม่ชอบเพราะโจทก์ยังนำสืบถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้ดังที่กล่าวไว้ในคำฟ้อง จำเลยที่ 1 อ้างขึ้นลอย ๆ ว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ โดยมิได้ยกเหตุผลใด ๆ มาประกอบข้ออ้างเลยว่า โจทก์นำสืบอย่างไรจึงถือว่านำสืบไม่ได้ จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้ง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน25,166,971.22 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจากต้นเงิน 23,451,428.02 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเสียหายรายการที่ 1 เป็นเงิน 8,721,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 22 มกราคม 2539จนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าเสียหายรายการที่ 2 เป็นเงิน 2,308,500 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 10 กันยายน 2538จนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าเสียหายรายการที่ 3 เป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ของค่าสินค้า 6,771,600 บาท 8,464,500 บาท และ5,643,000 บาท นับแต่วันที่ 15 มิถุนายน, 17 มิถุนายน และ 10กรกฎาคม 2538 ถึงวันที่ 22 มกราคม 2539 ตามลำดับ ค่าเสียหายรายการที่ 4 เป็นดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของค่าสินค้า5,643,000 บาท นับแต่วันที่ 10 กรกฎาคม 2538 ถึงวันที่ 10กันยายน 2538 ค่าเสียหายรายการที่ 6 เป็นเงิน 4,626,470.20 บาทพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 22 มกราคม2539 จนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าเสียหายรายการที่ 7 เป็นเงิน 20,000บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องจำเลยที่ 2

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีสำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์มิได้อุทธรณ์ จึงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางคงมีปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นข้อแรกว่า จำเลยที่ 1ซื้อเม็ดพลาสติกจากโจทก์ตามฟ้องหรือไม่ ในปัญหาข้อนี้ ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันรับฟังได้เป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2538นายซุง มินฮอง ผู้จัดการทั่วไปของสำนักงานตัวแทนของโจทก์ในประเทศไทยได้ส่งใบโปรฟอร์มา อินวอยซ์ ตามเอกสารหมาย จ.14 ให้จำเลยที่ 1ทางโทรสาร และจำเลยที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้จัดการอาวุโสแผนกจัดซื้อของ จำเลยที่ 1 ได้ลงชื่อในเอกสารดังกล่าวในช่องผู้ซื้อ แล้วส่งเอกสารดังกล่าวไปให้นายซุง มินฮอง ในวันที่ 23 เดือนเดียวกัน ตามเอกสารหมาย จ. 15 ในเอกสารดังกล่าวมีข้อความแสดงว่าโจทก์เป็นผู้ส่งเอกสารถึงจำเลยที่ 1 แจ้งว่ามีสินค้าเม็ดพลาสติกชนิดวิสต้า5385 จำนวน 1,000 เมตริกตัน และเม็ดพลาสติกชนิดเวสต์เลค 1230 จำนวน 500 เมตริกตัน เสนอขายในราคาเมตริกตันละ 1,100ดอลลาร์สหรัฐ มีเงื่อนไขการชำระราคาโดยเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตชนิดเพิกถอนไม่ได้ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2538 ซึ่งตามเอกสารหมายจ.15 มีการแก้ไขเป็นภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2538 ต่อมาวันที่ 8 มิถุนายน2538 โจทก์ได้ส่งใบโปรฟอร์มา อินวอยซ์ ไปให้จำเลยที่ 1 อีก 6 ฉบับแยกตามจำนวนสินค้าที่ทยอยส่งให้จำเลยที่ 1 เป็นงวด ๆ ตามเอกสารหมายจ.17 ถึง จ.22 จำเลยที่ 1 ได้รับสินค้างวดที่ 1 และงวดที่ 4 และชำระราคาให้โจทก์แล้ว ส่วนสินค้างวดอื่น ๆ จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับ โจทก์ต้องนำสินค้าดังกล่าวออกขายให้แก่บุคคลอื่นในราคาต่ำกว่าที่ขายให้แก่จำเลยที่ 1ดังนี้ เห็นว่า การที่โจทก์ส่งใบโปรฟอร์มาอินวอยซ์ เอกสารหมาย จ.14ไปถึงจำเลยที่ 1 มีรายละเอียดของสินค้าราคาและวิธีการชำระหนี้ย่อมเป็นคำเสนอขายสินค้าเสนอต่อจำเลยที่ 1 แล้ว เมื่อจำเลยที่ 2ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการอาวุโสฝ่ายจัดซื้อของจำเลยที่ 1 ลงชื่อในช่องผู้ซื้อในเอกสารดังกล่าวแล้วส่งคืนให้โจทก์ตามเอกสารหมายจ.15 ย่อมเป็นการแสดงเจตนาสนองรับซื้อแทนจำเลยที่ 1 สัญญาซื้อขายเม็ดพลาสติกรายนี้จึงเกิดขึ้นมีผลผูกพันโจทก์และจำเลยที่ 1 แล้วที่จำเลยที่ 1 อ้างในอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ 2 ต้องนำใบโปรฟอร์มาอินวอยซ์เสนอต่อนายอำนวย กรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 พิจารณาก่อนว่าจะซื้อสินค้าหรือไม่ หากจะซื้อจำเลยที่ 2 จะจัดทำใบสั่งซื้อให้นายอำนวยลงชื่อและประทับตราของจำเลยที่ 1 หรือทำสัญญาซื้อขายกันระหว่างจำเลยที่ 1 กับโจทก์นั้น จำเลยที่ 1 อ้างและนำสืบเอาลอย ๆ เอกสารเกี่ยวกับการซื้อขายครั้งก่อน ๆ ที่เป็นไปตามข้ออ้างดังกล่าว จำเลยที่ 1ก็มิได้นำมาแสดง จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังทั้งการสั่งซื้อสินค้ามาใช้ในกิจการของจำเลยที่ 1 ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้กรรมการผู้มีอำนาจของจำเลยที่ 1 กระทำเองเสมอไป จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานชั้นผู้ใหญ่อาจกระทำในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 ได้ ที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่าจำเลยที่ 2 ลงชื่อในเอกสารหมาย จ.14 เป็นการแจ้งให้สำนักงานใหญ่ของโจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 ได้รับใบโปรฟอร์มาอินวอยซ์ แล้วนั้นไม่มีเหตุผลสนับสนุน เพราะจำเลยที่ 2 เป็นพนักงานชั้นผู้ใหญ่ย่อมมีความรู้และประสบการณ์เพียงพอที่จะทราบว่าการลงชื่อรับเอกสารกับการลงชื่อสั่งซื้อสินค้าย่อมมีข้อแตกต่างกัน หากจำเลยที่ 2 จะลงชื่อรับเอกสารจริงก็ควรเขียนข้อความระบุไว้เช่นนั้น หรือลงชื่อในบริเวณอื่นที่มิใช่ช่องผู้ซื้อ การที่จำเลยที่ 2 ลงชื่อในช่องผู้ซื้อแล้วส่งเอกสารดังกล่าวคืนให้โจทก์จึงเป็นการแสดงเจตนาซื้อสินค้าตามเอกสารนั้นจากโจทก์แทนจำเลยที่ 1 แล้ว ส่วนที่โจทก์จัดส่งใบโปรฟอร์มาอินวอยซ์ ตามเอกสารหมาย จ.17 ถึง จ.22 ไปให้จำเลยที่ 1 อีกครั้งเป็นเพียงการแยกสินค้าที่ตกลงซื้อขายกันเป็นส่วน ๆ ตามที่จะจัดส่งเป็นงวด ๆเท่านั้น อันเป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากใบโปรฟอร์มาอินวอยซ์ เอกสารหมายจ.15 นั่นเอง และการติดต่อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 บางครั้งจำเลยที่ 2ก็ได้ลงชื่อในเอกสารต่าง ๆ ที่มีไปถึงโจทก์โดยที่จำเลยที่ 1 มิได้ปฏิเสธด้วยเช่น ตามหนังสือแจ้งให้แยกทำใบเสนอราคาและการขนส่ง เอกสารหมายจ.31 หนังสือแจ้งกำหนดการเปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตและยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 ได้ตามเอกสารหมาย จ.33 และหนังสือขอแก้ไขข้อความในหนังสือค้ำประกันเอกสารหมาย จ.35 ซึ่งเอกสารเหล่านี้ย่อมมีผลผูกพันจำเลยที่ 1 พฤติการณ์ต่าง ๆ เท่ากับจำเลยที่ 1ยอมรับรู้ให้จำเลยที่ 2 เชิดตัวเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 ในการซื้อสินค้าจากโจทก์ จำเลยที่ 1 จึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์

ส่วนที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่า การค้าขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1มุ่งเอาการที่จำเลยที่ 1 เปิดเลตเตอร์ออฟเครดิตให้โจทก์ก่อนจึงจะถือว่าการซื้อขายสำเร็จไปแต่ละรายการนั้น จำเลยที่ 1 มิได้ยกความข้อนี้ขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การ อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 1 ซื้อเม็ดพลาสติกจากโจทก์ตามฟ้องนั้นชอบแล้ว

ที่จำเลยที่ 1 อุทธรณ์อีกข้อหนึ่งว่า ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยเกี่ยวกับค่าเสียหายทุกรายการไม่ชอบเพราะโจทก์ยังนำสืบถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้ดังที่กล่าวไว้ในคำฟ้องนั้นเห็นว่า จำเลยที่ 1 อ้างขึ้นลอย ๆ ว่า โจทก์นำสืบไม่ได้ โดยมิได้ยกเหตุผลใด ๆมาประกอบข้ออ้างเลยว่า โจทก์นำสืบอย่างไรจึงถือว่านำสืบไม่ได้ อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยที่ 1 จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชัดแจ้ง ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายืน

Share