คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การใช้เช็คชำระเงินกู้ย่อมเป็นการชำระหนี้ด้วยการออกตั๋วเงิน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 321 วรรค 3 จึงเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นซึ่งมิใช่การชำระหนี้ด้วยเงิน จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2
ศาลยอมรับฟังพยานบุคคลได้.

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ ๘๒,๕๐๐ บาท
จำเลยต่อสู้ว่าได้ชำระแล้วโดยเช็คของสหธนาคารกรุงเทพฯ เลยที่ เอ. ๐๓๔๒๓๗ ลงวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๔๙๖
โจทก์ยื่นคำแถลงว่า จำเลยนำสืบการใช้เงินไม่ได้ ชัดประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรค ๒
ศาลแพ่งพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่าการนำสืบการใช้เงินกู้ต้องมีหลักฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๓ วรรค ๒ จึงถือว่าจำเลยนำสืบเรื่องการชำระหนี้ไม่สมข้อต่อสู้ พิพากษาให้จำเลยใช้ต้นเงินกู้และดอกเบี้ย ฯลฯแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า จำเลยนำสืบการชำระหนี้ด้วยการสั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๒๑ วรรค ๓ เชื่อข้อนำสืบของจำเลยว่าได้ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้ว ให้ยกฟ้อง ฯ
โจทก์ฎีกาว่า การชำระหนี้ด้วยการสั่งจ่ายเช็ค เป็นการชำระหนี้ด้วยเงินไม่อยู่ในข้อบัญญัติมาตรา ๓๒๑ จึงต้องปฏิบัติตามมาตรา ๖๕๓ วรรค ๒
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่า “การชำระหนี้ด้วยการสั่งจ่ายเช็คเป็นการชำระหนี้ด้วยเงิน ไม่อยู่ในข้อบัญญัติตามมาตรา ๓๒๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์” นั้น ในที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า กรณีใช้เช็คชำระหนี้เงินกู้ เป็นการชำระหนี้ด้วยการออกตั๋วเงินตามมาตรา ๓๒๑ วรรค ๓ ฉะนั้นจึงเป็นการชำระหนี้อย่างอื่นซึ่งมิใช่การชำระหนี้ด้วยเงิน จึงไม่ต้องด้วยมาตรา ๖๕๓ วรรค ๒ ศาลย่อมรับฟังพยานบุคคลของจำเลยที่นำสืบในเรื่องการชำระหนี้นั้นได้
ในที่สุด คดีเรื่องนี้ศาลฎีกาเชื่อตามพยานหลักฐานว่า จำเลยได้ชำระหนี้รายนี้ให้โจทก์เสร็จสิ้นแล้ว.
พิพากษายืน.

Share