แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อเจ้ามรดกตายทายาทซึ่งเป็นผู้เยาว์มีมารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมมารดาของทายาทผู้เยาว์มิได้ฟ้องคดีมรดกเสียภายในกำหนด1 ปีนับแต่วันเจ้ามรดกตายต่อมาเมื่อผู้เยาว์บรรลุนิติภาวะแล้วจะมาฟ้องคดีมรดกเองหาได้ไม่เพราะกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา183
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ที่ 1 เป็นน้องนางเปลื้องเจ้ามรดกโจทก์ที่ 2 เป็นบุตรของน้องนางเปลื้อง จำเลยเป็นน้องนางเปลื้องและบุตรของน้องนางเปลื้อง จำเลยหลอกลวงให้โจทก์ที่ 1 ซึ่งอ่านหนังสือไม่ออกให้ลงชื่อในหนังสือแบ่งมรดก ส่วนโจทก์ที่ 2 นั้นในขณะทำสัญญาแบ่งมรดกยังเป็นผู้เยาว์อยู่ การแบ่งมรดกจึงเป็นโมฆะขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนมรดกที่ดินเฉพาะส่วนของโจทก์ในโฉนดที่ 759, 760 เสีย และใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของร่วมรับมรดกด้วย
จำเลยต่อสู้ว่ามิได้หลอกลวงให้โจทก์ที่ 1 ลงชื่อในสัญญาแบ่งมรดก โจทก์ที่ 1 ได้รับส่วนแบ่งไปแล้ว ส่วนโจทก์ที่ 2 แม้จะไม่ได้ลงชื่อในสัญญาแบ่งมรดก นางบุญเรือนพี่โจทก์ที่ 2 ก็ได้ลงชื่อแทน ทั้งนางหนักมารดาโจทก์ที่ 2 ก็ได้รู้เห็นและพอใจและตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
นางบุญเรือนร้องสอดขอเข้าเป็นจำเลยร่วมด้วย
ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์ที่ 2 บอกล้างนิติกรรมสัญญาแบ่งมรดกได้เพราะขณะนั้นมารดาโจทก์ที่ 2 ยังมีชีวิตอยู่พี่ลงชื่อแทนน้องไม่ได้สำหรับโจทก์ที่ 1นั้นฟังไม่ได้ว่าถูกหลอกลวง คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้เพิกถอนการโอนรับมรดกเสีย ให้แบ่งมรดกเป็น 5 ส่วน ให้โจทก์จำเลยได้คนละส่วน
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะโจทก์ที่ 2 ว่ามีส่วนได้เพียง 1 ใน 6 ของส่วนแบ่งส่วนหนึ่ง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาไม่เชื่อว่าโจทก์ที่ 1 ถูกหลอกลวงให้ลงชื่อในสัญญาแบ่งมรดกส่วนโจทก์ที่ 2 นั้นเห็นว่าเป็นผู้มีมารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรม มารดาโจทก์ที่ 2 จะต้องฟ้องคดีเสียภายใน 1 ปี นับแต่วันเข้ามรดกวายชนม์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นตาม มาตรา 183 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์