แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ตายถูกจำเลยทำร้ายร่างกายโดยใช้มีดพร้าฟันบริเวณลำคอ 2 ครั้งจนระบบหายใจเป็นอัมพาตและถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุประมาณ 56 วัน ปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ว่า การตายของผู้ตายเกิดจากภาวะหายใจล้มเหลวจากปอดอักเสบติดเชื้อ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากระบบหายใจเป็นอัมพาต อันเนื่องจากไขสันหลังช่วงคอถูกทำลาย ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้ายทั้งสิ้น และผู้ตายถึงแก่ความตายขณะที่ยังต้องรักษาอาการที่เกิดจากการถูกจำเลยทำร้าย และไม่ปรากฏว่ามีเหตุพิเศษอื่นใดเกิดขึ้นกับผู้ตายอีก การตายของผู้ตายจึงเป็นผลธรรมดาที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้าย
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานปากใดเบิกความยืนยันว่า จำเลยฟันทำร้ายผู้ตายเมื่อใดในลักษณะใดอันจะชี้ให้เห็นว่าจำเลยฟันทำร้ายผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การที่จำเลยฟันทำร้ายในขณะที่ผู้ตายนอนหลับจะถือว่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนน่าจะยังไม่ถูกต้อง เพราะจำเลยอาจเกิดอารมณ์ชั่ววูบขณะเห็นผู้ตายนอนหลับจึงใช้มีดพร้าฟันไปทันทีก็ได้เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องสันนิษฐานในทางที่เป็นคุณให้แก่จำเลยว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289(4),33 และริบมีดพร้าของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ให้ประหารชีวิต คำให้การชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 52(1) มีดพร้าของกลางเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดให้ริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 จำคุก 10 ปี คำให้การชั้นจับกุมและสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 6 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า เมื่อวัน เวลา และสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยใช้มีดพร้าของกลางฟันบริเวณลำคอผู้ตายสองครั้งโดยมีเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้ผู้ตายได้รับอันตรายสาหัส และถึงแก่ความตายหลังเกิดเหตุประมาณ 56 วัน รายละเอียดของบาดแผลปรากฏตามรายงานการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์เอกสารหมาย จ.3 และรายงานการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ท้ายฟ้อง คงมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามข้อฎีกาของโจทก์ว่า การตายของผู้ตายเป็นผลธรรมดาที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้ายหรือไม่ และจำเลยเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่
การตายของผู้ตายเป็นผลธรรมดาที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้ายหรือไม่ โจทก์มีนายแพทย์ศิริศักดิ์ เจนวณิชสถาพร เป็นพยานเบิกความว่า ผู้ตายถูกฟันที่ต้นคอซ้ายมีบาดแผลลึกสองแผล แผลแรกลึกถึงกระดูกสันหลังช่วงข้อที่ 4 ถึงข้อที่ 5 ตัดเส้นประสาทไขสันหลังขาด เป็นเหตุให้ผู้ตายเคลื่อนไหวแขนขาไม่ได้ และเป็นผลให้กล้ามเนื้อระบบหายใจของผู้ตายเป็นอัมพาตนั้น เห็นว่า ผู้ตายถูกทำร้ายจนระบบหายใจเป็นอัมพาตเมื่อพิจารณาตามรายงานการชันสูตรพลิกศพของแพทย์ท้ายฟ้อง ปรากฏว่าการตายของผู้ตายเกิดจากภาวะหายใจล้มเหลว จากปอดอักเสบติดเชื้อ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากระบบหายใจเป็นอัมพาตอันเนื่องจากไขสันหลังช่วงคอถูกทำลาย ซึ่งก็เป็นผลที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้ายทั้งสิ้น และผู้ตายถึงแก่ความตายขณะที่ยังต้องรักษาอาการที่เกิดจากการถูกจำเลยทำร้าย และไม่ปรากฏว่ามีเหตุพิเศษอื่นใดเกิดขึ้นกับผู้ตายอีก การตายของผู้ตายจึงเป็นผลธรรมดาที่เกิดจากการถูกจำเลยฟันทำร้ายความเห็นในข้อนี้ของศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น
จำเลยเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานปากใดเบิกความยืนยันว่า จำเลยฟันทำร้ายผู้ตายเมื่อใด ในลักษณะใดอันจะชี้ให้เห็นว่าจำเลยฟันทำร้ายผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การที่จำเลยฟันทำร้ายผู้ตายในขณะที่ผู้ตายนอนหลับจะถือว่าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน น่าจะยังไม่ถูกต้อง เพราะจำเลยอาจเกิดอารมณ์โกรธชั่ววูบขณะเห็นผู้ตายนอนหลับ จึงใช้มีดพร้าฟันทันทีก็ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องสันนิษฐานในทางเป็นคุณให้แก่จำเลย ความเห็นข้อนี้ของศาลอุทธรณ์ภาค 3 จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 วางโทษจำคุก 15 ปี คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลย 10 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3