คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาเบิกความเท็จในคดีก่อน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ โดยข้อความที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีนี้เป็นข้อความในเรื่องเดียวกันมีเนื้อหาสาระอย่างเดียวกับที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยในคดีก่อน แม้การเบิกความดังกล่าวเป็นคนละคราวกัน แต่ข้อความที่เบิกความมีมูลเหตุอันเดียวกันและเป็นการกล่าวตามครรลองของเรื่องเท่านั้น การที่โจทก์นำมาฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จซ้ำอีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ เพราะมิฉะนั้นแล้วจำเลยย่อมถูกฟ้องร้องไม่มีวันสิ้นสุด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนมูลฟ้องได้ความว่าเดิมโจทก์ฟ้องคดีแพ่งเรียกเงินตามสัญญากู้จากนายสมชายวงศ์บัณฑิตย์ ผู้กู้และนางสรณีย์ ฉันทะวิบูลย์ หรือ ปัตตพงศ์ผู้ค้ำประกัน ต่อมานางสรณีย์ได้ฟ้องโจทก์ในข้อหาปลอมและใช้สัญญากู้ปลอม นำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3059/2525 คดีหมายเลขแดงที่ 5431/2526 ของศาลอาญาครั้นศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง โจทก์จึงฟ้องนางสรณีย์ นางณธีพร(จำเลยคดีนี้) นางณรงค์ เหล่าพานิช นายบุญมา อ่ำบุญ และนายสมชายวงศ์บัณฑิตย์ ซึ่งเป็นพยานโจทก์ในคดีดังกล่าวในข้อหาเบิกความเท็จเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ 17967/2527 คดีหมายเลขแดงที่ 8541/2528ของศาลอาญา และศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์มาฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ พิเคราะห์แล้ว ก่อนที่จะวินิจฉัยปัญหาตามฎีกาของโจทก์ เห็นควรวินิจฉัยปัญหาว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลขดำที่ 17967/2527 คดีหมายเลขแดงที่ 8541/2528 ของศาลชั้นต้นหรือไม่เสียก่อน เห็นว่าข้อความที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จในคดีอาญาหมายเลขดำที่17967/2527 คดีหมายเลขแดงที่ 8541/2528 ของศาลอาญาและนำมาฟ้องเป็นคดีนี้เป็นข้อความในเรื่องเดียวกันมีเนื้อหาสาระอย่างเดียวกับที่โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีดังกล่าวว่า เบิกความเท็จในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3054/2525 คดีหมายเลขแดงที่ 5431/2526ของศาลอาญา การที่จำเลยได้เบิกความในฐานะเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวมีข้อความทำนองเดียวกับที่เคยเบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดีก่อนแม้จะเป็นการเบิกความคนละคราวกัน แต่ก็เป็นเพียงการนำข้อความในเรื่องเดียวกัน มูลเหตุอันเดียวกันมากล่าวอีกครั้งหนึ่งตามครรลองของเรื่องเท่านั้น ไม่ชอบที่โจทก์จะนำมาฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยเบิกความเท็จในเรื่องนั้นซ้ำอีก เพราะมิฉะนั้นแล้วจำเลยย่อมถูกฟ้องร้องไม่มีวันที่สิ้นสุด เมื่อปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว และคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของโจทก์ต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน”

Share