แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งเจ็ดคนและจำเลยตกลงท้ากันให้ศาลแรงงานวินิจฉัยว่า การที่ ร. ค้างชำระค่าจ้างโจทก์นั้นจำเลยจะต้องรับผิดด้วยหรือไม่ ถ้าจำเลยไม่ต้องรับผิดโจทก์ยอมแพ้คดี ถ้าต้องรับผิดจำเลยยอมใช้ค่าจ้างตามฟ้อง เมื่อศาลแรงงานวินิจฉัยว่าจำเลยต้องรับผิดใช้ค่าจ้างแก่โจทก์ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ข้อ 7 จำเลยก็ต้องแพ้คดีตามคำท้าหาจำต้องวินิจฉัยว่าลักษณะคดีเป็นจ้างทำของหรือจ้างแรงงานไม่ แต่เมื่อปรากฏว่าศาลแรงงานมิได้พิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างแก่โจทก์ที่ 5 ซึ่งร่วมท้าด้วย เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ที่ 5 ด้วย
ในวันท้ากันดังกล่าวศาลแรงงานจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า โจทก์จำเลยและทนายจำเลยมาศาล แต่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ที่1ในรายงานนั้น และไม่แจ้งว่าโจทก์ที่ 1 ไม่มาศาล คำท้าจะมีผลผูกพันโจทก์ที่ 1 ด้วยหรือไม่ ข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัย ศาลฎีกาย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานดำเนินการพิจารณาในข้อนี้แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทุกคนเป็นลูกจ้างประจำ จำเลยค้างชำระค่าจ้างโจทก์ทุกคน ขอให้จำเลยจ่ายค่าจ้างค้างชำระแก่โจทก์ที่ ๑ ถึงที่ ๗
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยค้างค่าจ้างโจทก์ โจทก์ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยโจทก์เป็นลูกจ้างของนายรินทองซึ่งจำเลยได้ว่าจ้างเหมางานให้ไป จำเลยไม่เคยค้างค่าจ้างนายรินทอง ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจารณาจำเลยแถลงว่า จำเลยไม่เคยเป็นนายจ้างของโจทก์จำเลยรับเหมางานก่อสร้างมาแล้วให้นายรินทองรับเหมาช่วงตอกเสาเข็มเป็นรายชิ้น โจทก์ทุกคนเป็นลูกจ้างของนายรินทอง โจทก์รับว่าเป็นความจริงตามที่จำเลยแถลง โจทก์จำเลยแถลงร่วมกันให้ศาลวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า เมื่อนายรินทองค้างชำระค่าจ้างแก่โจทก์ตามคำฟ้องแล้ว จำเลยจะต้องรับผิดด้วยหรือไม่หากศาลพิพากษาว่าจำเลยไม่ต้องรับผิด โจทก์ยอมแพ้ ถ้าศาลพิพากษาว่าจำเลยต้องรับผิด จำเลยยอมใช้ค่าจ้างตามฟ้องทั้งหมด ศาลอนุญาตให้เป็นไปตามคำท้า
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยได้รับเหมางานก่อสร้างมาแล้วให้นายรินทองรับเหมาช่วงไป แม้จำเลยไม่ใช่นายจ้างก็ตาม เมื่อปรากฏว่านายรินทองค้างจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ จำเลยก็ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าจ้างแก่โจทก์ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๐๓ ข้อ ๗ วรรคหนึ่ง จำเลยจึงเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ที่ ๑ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๖ ที่ ๗
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์จำเลยตกลงกันขอให้ศาลวินิจฉัยข้อกฎหมายว่านายรินทองค้างชำระค่าจ้างแก่โจทก์ตามฟ้องแล้ว จำเลยจะต้องรับผิดด้วยหรือไม่ ถ้าจำเลยไม่ต้องรับผิดโจทก์ยอมแพ้คดี ถ้าต้องรับผิดจำเลยยอมใช้ค่าจ้างตามฟ้องทั้งหมด เป็นการขอให้ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยไม่เป็นนายจ้างของโจทก์จะต้องรับผิดชำระค่าจ้างที่นายรินทองค้างชำระแก่โจทก์หรือไม่ เมื่อปรากฏว่าจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าจ้างที่ค้างแก่โจทก์ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐๓ ข้อ ๗ จำเลยก็ต้องแพ้คดีตามคำท้า ส่วนที่ว่าลักษณะคดีเป็นสัญญาจ้างทำของหรือจ้างแรงงานนั้น ไม่มีประเด็นที่ต้องวินิจฉัยถึงแต่เนื่องด้วยคดีนี้โจทก์ที่ ๕ ขอให้จำเลยจ่ายค่าจ้างค้างชำระด้วย แต่ศาลแรงงานกลางไม่พิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างที่ค้างแก่โจทก์ที่ ๕ ซึ่งเป็นการไม่ถูกต้อง
ในการฟ้องคดีต่อศาล โจทก์ที่ ๒ ถึงที่ ๗ ได้แต่งตั้งให้โจทก์ที่ ๑ เป็นผู้แทนในการดำเนินคดี ในวันนัดพิจารณาศาลแรงงานกลางจดรายงานกระบวนพิจารณาความว่า โจทก์จำเลยและทนายจำเลยมาศาล ศาลได้สอบถามข้อเท็จจริงแล้ว โจทก์จำเลยตกลงท้ากันขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามข้อเท็จจริงที่รับกัน ศาลอนุญาตให้เป็นไปตามคำท้าโจทก์ที่ ๒ ถึงที่ ๗ กับจำเลยลงชื่อในรายงานดังกล่าวแต่ไม่มีลายมือชื่อโจทก์ที่ ๑ ด้วย และไม่แจ้งว่าโจทก์ที่ ๑ ไม่มาศาล ปัญหาว่าข้อตกลงตามคำท้ามีผลผูกพันโจทก์ที่ ๑ ด้วยหรือไม่ จะต้องได้ความว่าโจทก์ที่ ๑ มาศาลในวันนัดพิจารณาร่วมท้าด้วย ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยต้องร่วมรับผิดชำระเงินค่าจ้างให้แก่โจทก์ที่ ๑ ตามคำท้า ข้อเท็จจริงยังไม่เพียงพอแก่การวินิจฉัยเช่นนั้น สมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลแรงงานกลางดำเนินการพิจารณาในข้อนี้
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลแรงงานกลางเป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าจ้างแก่โจทก์ที่ ๕ และให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลางในส่วนที่เกี่ยวกับโจทก์ที่ ๑ให้ศาลแรงงานกลางดำเนินการไต่สวนและมีคำสั่งในปัญหาดังกล่าวข้างต้นแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้นี้แล้วคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง