คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องอุทธรณ์ที่โจทก์เซ็นชื่อเองแต่ในช่องผู้เรียงนั้นทนายความเป็นผู้เซ็น แม้จะเป็นเวลาภายหลังที่ทนายผู้นั้นไม่ได้ต่อทะเบียนใบอนุญาตทนายความแล้วก็ดี ก็หาทำให้ฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ฉะบับนั้นเสียไปไม่ (ในข้อนี้จำเลยเป็นผู้ฎีกา)

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมโอนที่ดินระหว่างจำเลย และขอให้แสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๕ ถึงที่ ๗ รับซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริต จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และเสียค่าตอบแทน ได้รับความคุ้มครองตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๐๐,๑๓๒๑ จึงให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาต่อมา และจำเลยที่ ๕ ถึงที่ ๗ ได้ฎีกาในข้อที่ทนายโจทก์เซ็นชื่อเป็นผู้เรียงอุทธรณ์ให้โจทก์ โดยที่ขณะนั้นทนายผู้นั้นไม่ได้ต่ออายุใบอนุญาตทนายความ ฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์จึงไม่สมบูรณ์
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ทนายจะได้เซ็นเป็นผู้เรียงในฟ้องอุทธรณ์ ภายหลังที่ไม่ได้ต่อทะเบียนใบอนุญาตทนายความแล้วก็ดี ก็หาทำให้ฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ฉะบับนี้เสียไปไม่ เพราะตาม พ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ.๒๔๗๗ มาตรา ๖ ซึ่งบัญญัติว่าผู้ที่มิได้รับอนุญาตเป็นทนายความไม่มีอำนาจแต่งฟ้องอุทธรณ์นั้น ก็มีเจตนารมย์เพียงแต่จะให้อรรถคดีได้เป็นไปในทางรัดกุมและบำรุงอาชีพทนายความผู้รับอนุญาตด้วยเท่านั้น ไม่มีบทบัญญัติในที่ใดเลยที่จะลงโทษถึงแก่จะให้ฟ้องฉะบับนั้นต้องเสียไปเพราะผู้เรียงไม่ใช่ทนายความผู้รับอนุญาตใด
ส่วนฎีกาของโจทก์ ศาลฎีกาคงฟังว่า จำเลยที่ ๕ ถึงที่ ๗ รับโอนโดยสุจริต ได้รับความคุ้มครองตาม ป.ม.แพ่งฯมาตรา ๑๓๐๐
จึงพิพากษายืน

Share