คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7648/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยได้นำเงินตามคำพิพากษาที่ต้องชำระแก่โจทก์ไปวางชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยได้ชำระค่าธรรมเนียม ถอนการยึดและค่าใช้จ่ายชั้นบังคับคดีครบถ้วนแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องดำเนินการบังคับคดีโดยการยึด หรืออายัดและขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินของจำเลย ลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นต่อไป โจทก์ย่อมจะบังคับคดี แก่จำเลยต่อไปไม่ได้ และไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็น เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ยึดสละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด จึงไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคท้ายที่ให้สิทธิแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ขอเฉลี่ยสวมสิทธิดำเนินการบังคับคดีแทนโจทก์ผู้ยึดต่อไปได้ และการที่โจทก์ยังไม่ได้รับเงินที่จำเลยที่ 1 วางไว้ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น ก็มิใช่เป็นเหตุที่จะไม่ถอนการบังคับคดีให้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 72465 พร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 1 เพื่อบังคับชำระหนี้เงินตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดแก่โจทก์ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 ตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 4097/2536 ของศาลแพ่งและคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 1195/2536ของศาลแขวงพระนครเหนือ รวม 2 คดี จำเลยที่ 1 ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่ผู้ร้องจะบังคับคดีได้ ขอเฉลี่ยเงินที่ได้จากขายทรัพย์นั้นและหากโจทก์สละสิทธิในการบังคับคดีให้ผู้ร้องสวมสิทธิดำเนินการบังคับคดีแทนต่อไป
จำเลยที่ 1 ยื่นคำคัดค้านว่า คดีของศาลแพ่งที่ผู้ร้องขอเฉลี่ยยังไม่ถึงที่สุด โดยยังอยู่ในระหว่างจำเลยที่ 1 ขอให้พิจารณาใหม่ส่วนคดีของศาลแขวงพระนครเหนือ จำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่ผู้ร้องเรียบร้อยแล้ว ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยขอให้ยกคำร้อง
ในวันนัดไต่สวนผู้ร้องแถลงรับว่า หนี้ตามคำพิพากษาของศาลแพ่งที่ผู้ร้องขอเฉลี่ยอยู่ในระหว่างการไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นจึงสั่งงดการไต่สวนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีนั้นจะถึงที่สุด
ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี ซึ่งบังคับคดีแทนมีหนังสือแจ้งศาลชั้นต้นว่า จำเลยได้นำเงินที่ต้องชำระแก่โจทก์ตามคำพิพากษาไปวางชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี โดยชำระค่าธรรมเนียมถอนการยึดและค่าใช้จ่ายชั้นบังคับคดีครบถ้วนแล้ว
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นสั่งถอนการยึดและยกคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของผู้ร้องโดยอ้างว่า โจทก์ไม่มีอำนาจยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ต่อไปแล้ว ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยเพราะคดีของศาลแพ่งยังไม่ถึงที่สุด
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีอยู่ในระหว่างการบังคับคดีของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและผู้ร้องมีสิทธิขอให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 วรรคหนึ่ง ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาในชั้นนี้ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาขอให้ถอนการยึดทรัพย์นั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งตามหนังสือของเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2536เอกสารอันดับที่ 146 ในสำนวนว่าจำเลยที่ 1 ได้นำเงินตามคำพิพากษาที่ต้องชำระแก่โจทก์ไปวางชำระต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดีโดยได้ชำระค่าธรรมเนียมถอนการยึดและค่าใช้จ่ายชั้นบังคับคดีครบถ้วนแล้วก็ไม่มีเหตุที่จะต้องดำเนินการบังคับคดีโดยการยึดหรืออายัดและขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยวิธีอื่นต่อไป โจทก์ย่อมจะบังคับคดีแก่จำเลยที่ 1ต่อไปไม่ได้ และไม่ใช่เป็นกรณีที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ยึดสละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด จึงไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคท้ายที่ให้สิทธิแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ขอเฉลี่ยสวมสิทธิดำเนินการบังคับคดีแทนโจทก์ผู้ยึดต่อไปได้ และการที่โจทก์ยังไม่ได้รับเงินที่จำเลยที่ 1 วางไว้ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น ก็มิใช่เป็นเหตุที่จะไม่ถอนการบังคับคดีให้ ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของจำเลยที่ 1ที่ขอถอนการบังคับคดีนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษากลับ ให้ถอนการยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาท

Share