แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีเกี่ยวกับการบังคับตามสัญญาประกันตาม ป.วิ.อ. มาตรา 119 มิใช่คดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงไม่อยู่ในบังคับของ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 ดังนี้ เมื่อผู้ประกันอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้ประกันที่ขอให้งดหรือลดค่าปรับ จึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่จะพิจารณาพิพากษาคดี การที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิจารณาพิพากษาอุทธรณ์คำสั่งของผู้ประกันจึงเป็นการไม่ชอบ
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคหนึ่ง (2) ระหว่างอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลย โดยให้ผู้ประกันทำสัญญาประกันไว้ต่อศาลในวงเงิน 500,000 บาท ต่อมาในวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้ประกันผิดสัญญาประกันไม่ส่งตัวจำเลยตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นสั่งปรับผู้ประกันตามสัญญา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้งดหรือลดค่าปรับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ประกันอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษายืน
ผู้ประกันฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับตามสัญญาประกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 มิใช่คดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด จึงไม่อยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 ดังนี้ เมื่อผู้ประกันอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของผู้ประกันที่ขอให้งดหรือลดค่าปรับ จึงเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่จะพิจารณาพิพากษาคดี การที่ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิจารณาพิพากษาอุทธรณ์คำสั่งของผู้ประกันจึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของผู้ประกัน
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติด ให้ศาลชั้นต้นส่งถ้อยคำสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิจารณาพิพากษาอุทธรณ์ของผู้ประกันฉบับลงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555 ต่อไป