คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำละเมิดโดยขุดดินล้ำเข้ามาในที่โจทก์ ขุดลงเสาเข็มลึกประมาณ 2 เมตร ฐานคอนกรีตฝังลึกจากพื้นดิน 1 เมตร เป็นเหตุให้เรือนโจทก์ทรุดเอียง จำเลยให้การปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้ขุดดินล้ำในที่โจทก์ แต่รับว่าจำเลยได้ขุดดินในที่จำเลยแล้วหล่อฐานคอนกรีตขึ้น ไม่เป็นเหตุให้เรือนทรุด ส่วนการขุดดินลงเสาจำเลยมิได้ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้ง คู่ความท้ากันให้มีการขุดใต้คานคอนกรีตเพื่อพิสูจน์ว่ามีเสาเข็มซิเมนต์ไม่น้อยกว่า 10 ต้น แต่ละต้นยาวไม่น้อยกว่า 2 เมตร ก่อนท้ากันจำเลยได้เถียงยืนยันต่อหน้าศาลว่าจำเลยมิได้ตอกเสาเข็มใต้คานคอดิน การท้าจึงเกิดขึ้น ดังนี้ ชี้ให้เห็นว่าเจตนาทั้งสองฝ่ายมุ่งถึงว่ามีจำนวนเสาเข็มไม่น้อยกว่า 10 ต้นอยู่ตามแนวคานคอนกรีตหรือไม่ ส่วนเสาต้นใดมีความยาวมากน้อยเท่าใดย่อมเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยต่างมีที่ดินมีบ้านเรือนปลูกอยู่ติดกัน จำเลยรื้อรั้วอันเป็นเครื่องหมายเขตออก แล้วทำรั้วสังกะสีบนฐานคอนกรีตขึ้นใหม่ โดยขุดดินตรงรั้วสังกะสีเดิมทางด้านตะวันออกของโจทก์ล้ำเข้ามาในที่ของโจทก์ประมาณ ๓ – ๔ นิ้วฟุต ขุดเสาเข็มลึกประมาณ ๒ เมตร ฐานคอนกรีตฝังลึกจากพื้นดินประมาณ ๑ เมตร เป็นเหตุให้เรือนของโจทก์ทรุดเอียงไปข้างหนึ่ง ต้องเสียค่าใช้จ่าย ๒๔,๘๑๐ บาท นอกจากนี้โจทก์ยังได้รับความเดือดร้อนในการอยู่อาศัย ขอคิดค่าสินไหมทดแทน ๓,๐๐๐ บาท ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การแก้คดีว่า จำเลยทำรั้วจริง แต่ไม่ได้ขุดดินล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ แต่ขุดในที่จำเลย และฟ้องแย้ง แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นได้ไปดูบ้านพิพาทตามคำขอของโจทก์แล้วคู่ความท้ากันว่าให้มีการขุดใต้คานคอนกรีตคอดินดังที่ปรากฏตามรายงานกระบวนพิจารณา ภายหลังเมื่อขุดดินใต้คานคอนกรีตแล้ว ศาลชั้นต้นเห็นว่าการที่ศาลจะพิพากษาให้มีการแพ้ชนะกันโดยอาศัยเพียงถ้อยคำในรายงานคำท้าเท่านั้นเป็นการไม่สมควร และไม่ตรงกับเจตนาแห่งการท้าของทั้งสองฝ่าย จึงให้ดำเนินการสืบพยานต่อไป แล้วฟังว่า เรือนของโจทก์ทรุดเพราะจำเลยตอกเสาเข็มทำรั้วบ้านของจำเลย และพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ตามคำท้ามีข้อเท็จจริงอันเป็นความสำคัญแห่งคำท้ามีอยู่ว่าเสาเข็มตามแนวคานครบตามจำนวนหรือไม่เท่านั้น เมื่อการขุดเพื่อพิสูจน์พบเสาเป็นจำนวนถึง ๑๓ ต้นและเสาที่มีความยาว ๑ เมตร ๘๕ เซนติเมตร มี ๕ ต้น ก็เป็นการเพียงพอที่จะพิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีตามคำท้า พิพากษายืนในผล
จำเลยฎีกา
ปัญหาว่า ตามที่คู่ความท้ากันให้มีการขุดใต้คานคอนกรีตเพื่อพิสูจน์ว่ามีเสาเข็มซิเมนต์จำนวนไม่น้อยกว่า ๑๐ ต้น แต่ละต้นยาวไม่น้อยกว่า ๒ เมตรนั้น ความยาวของเสาเข็มแต่ละต้นเป็นสารสำคัญประการใด ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทำละเมิดโดยจำเลยขุดดินล้ำเข้ามาในที่โจทก์ ขุดลงเสาเข็มลึกประมาณ ๒ เมตร ฐานคอนกรีตฝังลึกจากพื้นดิน ๑ เมตร เป็นเหตุให้เรือนโจทก์ทรุดเอียง จำเลยให้การปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้ขุดดินล้ำในที่โจทก์ แต่รับว่าจำเลยได้ขุดดินในที่จำเลยแล้วหล่อฐานคอนกรีตขึ้น ซึ่งไม่เป็นเหตุที่จะทำให้เรือนโจทก์ทรุดเอียงแต่อย่างใด ส่วนการขุดดินลงเสาเข็ม จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธโดยชัดแจ้ง แต่ปรากฏในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่า ก่อนที่จะมีคำท้ากัน จำเลยได้โต้เถียงยืนยันต่อหน้าศาลทั้งในวันที่ศาลไปดูที่พิพาทและในวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งเป็นวันที่มีคำท้าว่า จำเลยมิได้ตอกเสาเข็มใต้คานคอดินนี้เลย การท้าให้มีการขุดใต้คานคอนกรีตจึงเกิดขึ้น ชี้ให้เห็นว่าเจตนาทั้งสองฝ่ายมุ่งถึงว่ามีจำนวนเสาเข็มไม่น้อยกว่า ๑๐ ต้น อยู่ตามแนวคานคอนกรีตหรือไม่ ส่วนเสาต้นใดมีความยาวมากน้อยเท่าใด ย่อมเป็นเพียงส่วนประกอบเท่านั้น หาใช่ความยาวของเสาเข็มเป็นสารสำคัญยิ่งทุก ๆ ต้น ดังฎีกาจำเลยไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อขุดพบเสาเข็มใต้คานคอนกรีตมีจำนวน ๑๓ ต้น และเสาที่มีความยาว ๑ เมตร ๘๕ เซนติเมตรมี ๕ ต้น มีอีก ๘ ต้นยาวต้นละ ๑ เมตรเศษ ดังนี้ เป็นการเพียงพอที่จะพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีตามคำท้านั้น
พิพากษายืน.

Share