คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกจ้างเมาสุรา ไม่สวมเสื้อในขณะปฏิบัติงาน อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับนั้น หาเป็นกรณีฝ่าฝืนที่ร้ายแรงไม่ และเมื่อนายจ้างบอกให้ลูกจ้างสวมเสื้อก็พูดว่า’คุณไม่เกี่ยว’ นายจ้างสั่งให้ออกไปจากโรงงานก็พูดว่า’กูจะอยู่ที่นี่ได้ไหม’ และเมื่อออกไปหน้าโรงงานก็พูดว่า ‘กูจะเข้าไปไม่ได้หรือ’ ถ้อยคำดังกล่าวเป็นเพียงคำไม่สุภาพและก้าวร้าว หาเป็นความผิดทางอาญาฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าอันจะเป็นข้อยกเว้นที่นายจ้างเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด ไม่บอกกล่าวล่วงหน้าและไม่จ่ายค่าชดเชย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้ากับค่าชดเชยให้โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับเป็นกรณีร้ายแรงทั้งเป็นการกระทำความผิดอาญาแก่นายจ้างและทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย จำเลยเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ขอให้พิพากษายกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าให้โจทก์

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า การที่โจทก์เมาสุราและไม่สวมเสื้อในขณะปฏิบัติงาน เมื่อผู้อำนวยการของจำเลยบอกให้โจทก์สวมเสื้อ โจทก์พูดว่า “คุณไม่เกี่ยว” ผู้อำนวยการจึงสั่งให้โจทก์ออกไปจากโรงงาน โจทก์พูดว่า “กูจะอยู่ที่นี่ได้ไหม”และเมื่อออกไปถึงหน้าโรงงานแล้วพูดว่า “กูจะเข้าไปไม่ได้หรือ” นั้น ถ้อยคำดังกล่าวเป็นเพียงคำไม่สุภาพและก้าวร้าว ไม่มีความหมายเป็นการดูหมิ่นผู้อำนวยการแต่อย่างใด การที่โจทก์กล่าวถ้อยคำเหล่านั้นจึงไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ส่วนการที่โจทก์ฝ่าฝืนข้อบังคับโดยการเมาสุราและไม่สวมเสื้อขณะทำงานและแสดงการก้าวร้าวไม่เคารพผู้บังคับบัญชานั้นไม่ใช่กรณีร้ายแรง จึงไม่เข้าข้อยกเว้นที่จำเลยจะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและไม่จ่ายค่าชดเชย

พิพากษายืน

Share