แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ที่ดินที่โจทก์ขอออกโฉนดมิใช่ที่สงวนไว้เป็นที่เลี้ยงสัตว์ตามประกาศหวงห้ามฯ นายอำเภอสั่งคนไปรังวัดสำรวจคัดค้านการออกโฉนดว่าเป็นที่สงวนตามประกาศหวงห้าม แต่คนเหล่านั้นปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตตามที่กำนันผู้ใหญ่บ้านรายงานมา ไม่จงใจหรือประมาทเลินเล่อ ไม่เป็นละเมิด
โจทก์ไม่ได้แต่งทนายความ ไม่มีค่าทนายความที่โจทก์ต้องเสียศาลไม่ให้จำเลยผู้แพ้คดีใช้ค่าทนายความแก่โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ขอออกโฉนดตาม ส.ค.1 จำเลยเป็นนายอำเภอรับคำสั่งให้ระวังแนวเขต จึงสั่งให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่และกำนันผู้ใหญ่บ้านสำรวจออกโฉนดที่หลวง จำเลยไม่รับรองแนวเขตของโจทก์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าที่พิพาทไม่ใช่ที่สงวนไว้เลี้ยงสัตว์ตามประกาศหวงห้าม พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้องขัดขวางการออกโฉนด กับให้ใช้ค่าเสียหาย 10,000 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะค่าทนายความให้จำเลยเสียแทนโจทก์ โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “พยานหลักฐานจำเลยฟังไม่ได้ว่า ที่ดินพิพาทที่โจทก์ขอออกโฉนดเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์สงวนเลี้ยงสัตว์ตามประกาศของนายอำเภอ หมาย ล.2 ข้อ 21 ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต่อไปว่าการกระทำของจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 แลที่ 6 เป็นการละเมิดต่อโจทก์เพียงหรือไม่ ปัญหานี้ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยไว้ ศาลฎีกาเห็นควรจะวินิจฉัยปัญหานี้ไปโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย ข้อนี้โจทก์นำสืบลอย ๆ ว่าจำเลยดังกล่าวเหล่านี้กลั่นแกล้งโจทก์โดยโจทก์ไม่มีพยานอื่นมาเบิกความสนับสนุน ซึ่งจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 ก็เป็นเจ้าพนักงานโดยได้รับแต่งตั้งจากจำเลยที่ 2 ให้เป็นกรรมการไปตรวจสอบหาที่ดินสาธารณสงวนเลี้ยงสัตว์เสียก่อน เพราะทางราชการสงสัยว่าที่ดินที่โจทก์ขอออกโฉนดจะเป็นที่แปลงเดียวกับที่สาธารณสงวนเลี้ยงสัตว์ จำเลยดังกล่าวจึงไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ที่รับแต่งตั้ง ไม่มีเหตุผลใดที่จำเลยจะกลั่นแกล้งโจทก์ การที่ฝ่ายจำเลยไปรังวัดตามใบ ส.ค.1 ของนายจุ้ยกุ้นนั้น ก็เพราะเหตุที่ผู้ใหญ่บ้านและกำนันรายงานมาว่าที่ดินตาม ส.ค.1 ของนายจุ้ยกุ้นเป็นทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวยังไม่พอรับฟังว่าจำเลยได้จงใจหรือประมาทเลินเล่อทำละเมิดต่อโจทก์แต่อย่างใด เชื่อว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตมิได้กลั่นแกล้งโจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 จึงไม่เป็นละเมิด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่จำต้องวินิจฉัยถึงฎีกาของโจทก์ที่ให้จำเลยชดใช้เงินค่าเสียหายและดอกเบี้ยอีก ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
ปัญหาค่าทนายความที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้จ้างทนายความจึงไม่มีสิทธิได้ค่าทนายความนั้น เห็นว่าในชั้นศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โจทก์ทั้งสองมิได้แต่งตั้งทนายความดำเนินคดีแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่มีค่าทนายความที่โจทก์จะต้องเสีย โจทก์ผู้ชนะคดีจึงไม่มีสิทธิจะให้จำเลยใช้ค่าทนายความแทน ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ค่าทนายความแทนโจทก์มานั้น จึงไม่ถูกต้องฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่าให้ยกฟ้องเฉพาะคำขอเรื่องค่าเสียหาย และจำเลยไม่ต้องใช้ค่าทนายความแทนโจทก์ในชั้นศาลล่างทั้งสองตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาต่างให้เป็นพับทั้งสองฝ่าย”