คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7601/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

สถานที่เกิดเหตุที่จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงโจทก์ร่วมเกิดที่ร้านขายอาหารของโจทก์ร่วม ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลนาชุมเห็ดอำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง อยู่ห่างถนนสายลำปลอก-นาโยง ประมาณ 8 เมตรจึงเป็นหมู่บ้านตามความหมายของคำว่า หมู่บ้านแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายกล่าวคือ จำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนลูกซองสั้น ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนเจ้าพนักงานประทับไว้ จำนวน 1 กระบอก และมีกระสุนปืนลูกซองขนาด 12 จำนวน 1 นัด อันเป็นอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายสามารถใช้ยิงได้ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยที่ 1 ได้พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวติดตัวไปตามถนนให้ท้องที่หมู่ที่ 4 ตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาวจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ทั้งไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และไม่ได้รับการยกเว้นใด ๆตามกฎหมาย ตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยทั้งสามกับพวกอีก 2 คนซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวยิงนายเทือน นุ่นสง ผู้เสียหาย จำนวน 1 นับ โดยมีเจตนาฆ่าจำเลยทั้งสามได้ลงมือกระทำความผิดไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผล เนื่องจากกระสุนปืนไม่ถูกผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 80, 83, 91, 288, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลาง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 371, 80, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสองให้เรียงกระทงลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นจำคุก 10 ปี ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดจำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 11 ปี 6 เดือน ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 3 ริบอาวุธปืนกับเครื่องกระสุนปืนของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะในข้อหาฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ คงจำคุกจำเลยที่ 1 รวม 11 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับฎีกาของโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ในข้อหาความผิดฐานพาอาวุธปืนลูกซองสั้นของกลางไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้องของโจทก์ด้วยนั้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติแล้วว่าอาวุธปืนของกลางไม่มีเครื่องหมายทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับ และจำเลยที่ 1ไม่ได้รับอนุญาติให้มีอาวุธปืนดังกล่าวไว้ในครอบครอง จำเลยที่ 1จึงไม่อาจได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนของกลางติดตัวได้อีกข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 พาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนสถานที่เกิดเหตุนั้นได้ความจากทางนำสืบของโจทก์โดยโจทก์ร่วมและร้อยตำรวจโทสุริยาพนักงานสอบสวนเบิกความว่าสถานที่เกิดเหตุที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นของกลางยิงโจทก์ร่วมเกิดที่ร้านขายอาหารชื่อร้านเชิงดอยของโจทก์ร่วม ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลนาชุมเห็ด อำเภอย่านตาขาวจังหวัดตรัง อยู่ห่างถนนสายลำปลอก-นาโยง ประมาณ 8 เมตรดังรายละเอียดที่ปรากฏตามแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.1 ซึ่งข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของร้านที่เกิดเหตุจำเลยที่ 1 มิได้นำสืบโต้แย้งเป็นอย่างอื่น จึงฟังได้ตามที่โจทก์นำสืบว่าที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านตามความหมายของคำว่าหมู่บ้านแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 และตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคหนึ่งแล้ว ฉะนั้นเมื่อจำเลยที่ 1 พาอาวุธปืนดังกล่าวไปยังร้านอาหารของโจทก์ร่วมก็ต้องถือว่า จำเลยที่ 1 ได้พาอาวุธปืนลูกซองสั้นของกลางไปในหมู่บ้านโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวแล้ว จำเลยที่ 1จึงมีความผิดฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่รับอนุญาตดังที่โจทก์ฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องของโจทก์เฉพาะข้อหาความผิดนี้เสียนั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share