คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 76/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การซื้อขายรถยนต์นั้น เมื่อซื้อขายกันอย่างรถยนต์ในสภาพที่ใช้เดินได้ไม่ใช่เศษเหล็กแล้ว นอกจากผู้ขายจะต้องส่งมอบรถยนต์นั้นแก่ผู้ซื้อแล้วผู้ขายยังมีหน้าที่ต้องรับรองต่อกองทะเบียนยานพาหนะกรมตำรวจอีกด้วยว่า ได้โอนกรรมสิทธิ์รถยนต์คันที่ขายนั้นให้แก่ผู้ซื้อไปแล้ว เพื่อเจ้าพนักงานจะได้รับจดทะเบียนรถยนต์คันนั้นให้แก่ผู้ซื้อแม้การจดทะเบียนจะไม่ใช่เป็นหลักฐานแห่งกรรมสิทธิ์ดังเช่นโฉนดแผนที่และการโอนกรรมสิทธิ์ในรถไม่ได้อยู่ที่การจดทะเบียนก็ดีแต่ถึงกระนั้นการจดทะเบียนก็เป็นการจำเป็นแก่การที่จะใช้รถยนต์นั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้แก่โจทก์โดยถูกต้อง เพื่อโจทก์จะได้จดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ยานพาหนะได้ และให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยต่อสู้ว่า เจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับจดทะเบียนให้ เป็นความผิดของโจทก์เอง จำเลยไม่ต้องรับผิด ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยจัดการในการโอนกรรมสิทธิ์หรือทะเบียนรถพิพาท 2 คันให้โจทก์เพื่อโจทก์จะนำออกใช้ได้ ฯลฯ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ตามสัญญาข้อ 2 ก. จำเลยมีหน้าที่จะต้องส่งมอบรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ซึ่งมีเครื่องเรียบร้อยอยู่ในสภาพที่จะใช้เดินได้ ฯลฯ จึงเป็นที่เห็นได้ว่า เป็นสัญญาส่งมอบรถยนต์ในฐานะเป็นรถยนต์ ไม่ใช่เศษเหล็ก และเป็นที่เข้าใจกันได้ต่อไปด้วยว่า จำเลยจะต้องส่งมอบให้โจทก์ให้ได้ผลใช้รถยนต์นั้นได้ ซึ่งหมายความว่า จำเลยจะกระทำตามที่จำเป็น เพื่อให้โจทก์ได้จดทะเบียนรถนั้น เพราะถ้าไม่ได้จดทะเบียน โจทก์ก็ใช้รถนั้นไม่ได้ (พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2473 มาตรา 5) เป็นความจริงที่การจดทะเบียนไม่ใช่เป็นหลักฐานแห่งกรรมสิทธิ์ดังเช่นโฉนดแผนที่ และการโอนกรรมสิทธิ์ในรถ ไม่ได้อยู่ที่การจดทะเบียน แต่ถึงกระนั้นการจดทะเบียนก็เป็นการจำเป็นแก่การที่จะใช้รถนั้นดังกล่าวแล้ว ฯลฯ

จึงพิพากษาแก้เป็นให้ จำเลยรับรองต่อกองทะเบียนรถยนต์กรมตำรวจว่า ได้โอนกรรมสิทธิ์รายพิพาทให้แก่โจทก์ไปแล้ว เพื่อเจ้าพนักงานจะได้รับจดทะเบียนรถรายพิพาทให้โจทก์ ฯลฯ

Share