แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
มีดที่จำเลยใช้ฟันผู้เสียหายมีความยาวประมาณ50 เซนติเมตร แสดงว่าเป็นมีดดาบขนาดใหญ่พอสมควรสามารถใช้เป็นอาวุธประทุษร้ายผู้อื่นถึงแก่ชีวิตได้บาดแผลของผู้เสียหายที่ 1 ปรากฏว่ากระดูกบริเวณหัวไหล่หักหากไม่นำตัวมารักษาอาจถึงแก่ความตายได้ ส่วนผู้เสียหายที่ 2มีบาดแผล 2 แห่ง ที่บริเวณศีรษะและบริเวณต้นคอขวาหากบาดแผลลึกอีกเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้เนื่องจากเป็นอวัยวะสำคัญ แสดงว่าโอกาสที่ฟัน จำเลยฟันโดยเลือกฟันอวัยวะสำคัญ เมื่อพิจารณารวมถึง มูลเหตุโกรธเคืองระหว่างจำเลยกับผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งทะเลาะวิวาทกันมาก่อนเกิดเหตุ และพฤติการณ์ของ จำเลยที่ฟันผู้เสียหายที่ 1 แสดงว่าจำเลยฟันผู้เสียหายทั้งสอง โดยมีเจตนาฆ่า ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยใช้มีดดาบ ฟันผู้เสียหายที่ 1 ขณะนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ครั้งหนึ่งแล้ว และขณะผู้เสียหายที่ 1 กำลังวิ่งหนีไปบ้านภริยา ก็ถูกจำเลยตามไล่ฟันอีกครั้ง หากผู้เสียหายที่ 1 วิ่งหนีเข้าบ้านภริยาไม่ทันก็อาจถูกจำเลยฟันซ้ำ ถึงแก่ความตายได้ โดยปรากฏว่าจำเลยยังได้ฟันอีกครั้งแต่พลาด ข้อเท็จจริงจึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าจำเลยกระทำผิดโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง จำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 80, 83, 288
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80จำคุก 10 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสองดังที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ ผู้เสียหายที่ 1เบิกความว่า ขณะที่ผู้เสียหายที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์มาถึงที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบยาวประมาณ 1 ช่วงแขนฟันผู้เสียหายที่ 1 ครั้งแรกถูกที่หัวไหล่ด้านขวาทำให้ผู้เสียหายที่ 1 ไม่สามารถขับรถจักรยานยนต์ต่อไปได้รถจักรยานยนต์ล้มลงผู้เสียหายที่ 1 วิ่งหนี จำเลยที่ 1ใช้มีดดาบฟันอีกครั้งถูกที่บริเวณแขนขวา เมื่อพิจารณาประกอบกับคำให้การของจำเลยที่ 1 ที่ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนตามเอกสารหมาย จ.7 ปรากฏว่ามีดที่จำเลยที่ 1 ใช้ฟันผู้เสียหายที่ 1 และที่ 2 มีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตรแสดงว่ามีดที่ใช้ฟันผู้เสียหายทั้งสองเป็นมีดดาบขนาดใหญ่พอสมควรสามารถใช้เป็นอาวุธประทุษร้ายผู้อื่นถึงแก่ชีวิตได้จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบฟันผู้เสียหายที่ 1 บริเวณหัวไหล่ด้านขวาบาดแผลมีความยาว 6 เซนติเมตร ลึกถึงกระดูกหัวไหล่ซึ่งล้วนอยู่ในตำแหน่งอวัยวะสำคัญ ในข้อนี้นายแพทย์ธีรพงษ์แก้วภมร ผู้ทำการตรวจร่างกายของผู้เสียหายที่ 1เบิกความประกอบผลการตรวจชันสูตรบาดแผลว่า บาดแผลของผู้เสียหายที่ 1 ปรากฏว่ากระดูกบริเวณหัวไหล่หัก หากไม่นำตัวมารักษาอาจถึงแก่ความตายได้เนื่องจากเสียโลหิตมากส่วนผู้เสียหายที่ 2 มีบาดแผล 2 แห่ง ที่บริเวณศีรษะและบริเวณต้นคอด้านขวา นายแพทย์ธีรพงษ์เบิกความว่าหากบาดแผลลึกอีกเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้เนื่องจากเป็นอวัยวะสำคัญ ในข้อนี้จำเลยที่ 1 เบิกความยอมรับว่าได้ใช้มีดฟันผู้เสียหายที่ 2 จำนวน 2 ครั้งแสดงว่าโอกาสที่ฟันจำเลยที่ 1 ฟันโดยเลือกฟันอวัยวะสำคัญบาดแผลดังกล่าวบางแห่งเป็นบาดแผลฉกรรจ์หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีมีโอกาสถึงแก่ชีวิตได้ เมื่อพิจารณารวมถึงมูลเหตุโกรธเคืองระหว่างจำเลยที่ 1 กับผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งทะเลาะวิวาทกันมาก่อนจะเกิดเหตุและพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ฟันผู้เสียหายที่ 1 แสดงว่าจำเลยที่ 1 ฟันผู้เสียหายทั้งสองโดยมีเจตนาฆ่า แต่เนื่องจากแพทย์ทำการรักษาได้ทัน ผู้เสียหายทั้งสองจึงไม่ถึงแก่ความตาย ดังจะเห็นได้จากพฤติการณ์ในขณะที่จำเลยที่ 1 ใช้มีดดาบฟันผู้เสียหายที่ 1 ขณะนั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ครั้งหนึ่งแล้ว และขณะผู้เสียหายที่ 1กำลังวิ่งหนีไปบ้านภริยาก็ถูกจำเลยที่ 1 ตามไล่ฟันอีกครั้งหากผู้เสียหายที่ 1 วิ่งหนีเข้าบ้านภริยาไม่ทันก็อาจถูกจำเลยที่ 1 ฟันซ้ำถึงแก่ความตายได้ โดยปรากฏว่าจำเลยที่ 1ยังได้ฟันอีกครั้งแต่พลาด ข้อเท็จจริงจึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำผิดโดยเจตนาฆ่าผู้เสียหายทั้งสองจำเลยที่ 1 จึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสองที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว แต่เห็นว่าโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงแก่จำเลยที่ 1 หนักเกินไป เนื่องจากขณะกระทำความผิดจำเลยที่ 1 อายุเพียง 19 ปี กรณีมีเหตุสมควรลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ประกอบกับจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพฐานทำร้ายร่างกายสาหัส ทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน อีกทั้งทางนำสืบในชั้นพิจารณาของจำเลยที่ 1ก็เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา อันมีเหตุบรรเทาโทษด้วยสมควรลดโทษที่จะลงให้อีกหนึ่งในสาม”
พิพากษาแก้เป็นว่า ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 1กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 แล้ว คงจำคุก5 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพบางส่วนในชั้นสอบสวนและทางนำสืบในชั้นพิจารณา เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1