คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329 นั้น หมายถึง ค่าฤชาธรรมเนียมที่ลูกหนี้จะต้องใช้ให้แก่รัฐส่วนจำนวนเงินที่ลูกหนี้จะต้องใช้แทนเจ้าหนี้สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมที่เจ้าหนี้ได้เสียให้แก่รัฐไปแล้วนั้น แม้จะเรียกว่าเป็นค่าฤชาธรรมเนียม แต่แท้จริงก็เป็นจำนวนเงินที่ใช้แทนกันตามธรรมดา หาใช่ค่าฤชาธรรมเนียมอันลูกหนี้จะต้องเสียให้แก่รัฐไม่ จึงถือได้ว่าเป็นหนี้จำนวนหนึ่งอันลูกหนี้จะต้องใช้ให้แก่เจ้าหนี้ตามธรรมดานั่นเอง
ในกรณีที่มีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหลายคน การเฉลี่ยส่วนได้ของเจ้าหนี้ได้มีวิธีการกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 319 ว่า เมื่อหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้แล้ว ก็ให้ชำระหนี้ที่มีบุริมสิทธิเสียก่อน แล้วจึงเฉลี่ยตามส่วนของหนี้สินให้แก่เจ้าหนี้ที่ขอเฉลี่ย เมื่อค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องคดีของเจ้าหนี้ไม่เป็นหนี้มีบุริมสิทธิ จึงต้องรวมเฉลี่ยให้เช่นเดียวกับหนี้สินธรรมดา

ย่อยาว

เดิม โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมต่อศาลและศาลพิพากษาตามยอมให้นำเลยใช้ต้นเงินและค่าทนายความ แต่จำเลยไม่ปฏิบัติการชำระหนี้นั้น
ในชั้นบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์สินของจำเลยขายทอดตลาดได้เงินรวมทั้งสิ้น ๑๗,๘๕๐ บาท แล้วมีเจ้าหนี้ของำจเลยตามคำพิพากษา ๑๒ รายร้องขอเฉลี่ย โจทก์และเจ้าหนี้ทุกรายต่างยอมให้เฉลี่ย ไม่คัดค้านซึ่งกันและกัน
เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงได้หักค่าธรรมเนียมชั้นบังคับคดีกับหนี้บุริมสิทธิรายหนึ่งออกเสียก่อนเงินที่เหลือจากนั้นก็คิดแบ่งให้เจ้าหนี้ด้วยวิธีรวมยอดหนี้สินตามคำพิพากษาของเจ้าหนี้แต่ละราย แล้วคำนวณเฉลี่ยให้ตามส่วน
นางเอ่งสั้น ตรีสัตยพันธ์ เจ้าหนี้รายหนึ่งคัดค้านต่อศาลว่า การแบ่งเฉลี่ยงของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบด้วยกฎหมายกล่าวคือ เมื่อทรัพย์สินของจำเลยไม่พอชำระหนี้ที่มีอยู่ทั้งหมด ก็ต้องจัดสรรเฉลี่ยชำระหนี้อันเป็นค่าฤชาธรรมเนียมของเจ้าหนี้แต่ละรายเสียก่อน แล้วชำระค่าดอกเบี้ยและหนี้ประธานตามลำดับ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๒๙
ศาลชั้นต้นสั่งว่า วิธีการเฉลี่ยทรัพย์ให้แก่เจ้าหนี้ของเจ้าพนักงานบังคับคดีถูกต้องแล้ว ให้ยกคำร้อง
เจ้าหนี้ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ยื่นฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า หนี้ของจำเลยที่มีอยู่ต่อเจ้าหนี้แต่ละรายนั้นเป็นหนี้ตามคำพิพากษารวมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมด้วย ที่โจทก์ฎีกาขอให้คิดเฉลี่ยค่าฤชาธรรมเนียมของแต่ละคดีชำระหนี้เป็นอันดันแรกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๒๙ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าค่าฤชาธรรมเนียมในที่นี้หมายถึงค่าฤชาธรรมเนียมที่ลูกหนี้จะต้องใช้ให้แก่รัฐ กฎหมายจึงบัญญัติให้ใช้แก่รัฐเสียก่อน เพื่อไม่ให้เสียหายแก่ส่วนรวม ส่วนจำนวนเงินที่ลูกหนี้จะต้องใช้แทนเจ้าหนี้สำหรับค่าฤชาธรรมเนียมที่เจ้าหนี้ได้เสียให้แก่รัฐไปแล้วนั้น แม้จะเรียกว่าเป็นค่าฤชาธรรมเนียมแต่แท้จริงก็เป็นจำนวนเงินที่ใช้แทนกันตามธรรมดา หาใช่ค่าฤชาธรรมเนียมอันลูกหนี้จะต้องเสียให้แก่รัฐไม่ จึงถือได้ว่าเป็นหนี้จำนวนหนึ่งอันลูกหนี้จะต้องใช้ให้แก่เจ้าหนี้ตามธรรมดานั่นเอง
ในกรณีที่มีเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาหลายคน การเฉลี่ยส่วนได้ของเจ้าหนี้ได้มีวิธีการกำหนดไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๓๑๙ ว่า เมื่อหักค่าฤชาธรรมเนียมในการบังคับคดีไว้แล้ว ก็ให้ชำระหนี้ที่มีบุริมสิทธิเสียก่อน แล้วจึงเฉลี่ยตามส่วนของหนี้สินให้แก่เจ้าหนี้ที่ขอเฉลี่ย เมื่อค่าฤชาธรรมเนียมในการฟ้องคดีของเจ้าหนี้ไม่เป็นหนี้มีบุริมสิทธิดังได้วินิจฉัยมาแล้วก็ต้องรวมเฉลี่ยให้เช่นเดียวกับหนี้สินธรรมดา
โดยเหตุนี้ ศาลฎีกาจึงเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในผล ฎีกาของเจ้าหนี้ผู้คัดค้านฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ยกฎีกา ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับไป

Share