แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การประเมินเรียกเก็บภาษีเงินได้ตาม มาตรา61ในกรณีที่เกิดขึ้นก่อนมี พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร(ฉบับที่ 10)พ.ศ.2496 ใช้บังคับ ต้องวินิจฉัยคดีตาม มาตรา 61 ก่อนที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10)
โจทก์เข้าหุ้นส่วนกับผู้อื่นทำการขนส่งชักลากไม้กับบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่าโดยโจทก์เป็นผู้ทำสัญญากับบริษัทเมื่อสิ้นปีโจทก์และผู้ถือหุ้นแต่ละคนได้เสียภาษีเงินได้ของแต่ละคนแล้วดังนี้ เจ้าพนักงานสรรพากรจะเรียกเก็บภาษีเงินได้จากโจทก์ตามสัญญาที่ทำไว้ กับบริษัทบอมเบย์เบอร์ม่าอีกหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เข้าหุ้นส่วนทำการขนส่งชักลากไม้ให้แก่บริษัทบอมเบย์เบอร์มาจำกัดในฐานะโจทก์เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการโจทก์จึงไปทำสัญญากับบริษัทและรับเงินค่าขนเป็นงวด ๆ ตลอดมาเมื่อสิ้นปีหนึ่ง ๆ โจทก์ในฐานะผู้จัดการก็ยื่นแสดงรายการเกี่ยวกับหุ้นส่วนได้รับเงินพึงประเมินต่อเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วโจทก์และผู้ถือหุ้นแต่ละคนได้เสียภาษีเงินได้ของแต่ละคนแล้วต่อมาจำเลยที่ 1 ได้เรียกเก็บภาษีเงินได้ของโจทก์ตามสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทบอมเบย์ ย้อนหลังเพิ่มขึ้นไป 3 ปี โจทก์ไม่เห็นด้วยกับการประเมินของจำเลยที่ 1 จึงอุทธรณ์ต่อจำเลยที่ 2 ๆ สั่งยืน โจทก์จึงฟ้องขอศาล แสดงว่าการประเมินของจำเลยที่ 1 และคำชี้ขาดของจำเลยที่ 2 ไม่ชอบด้วยประมวลรัษฎากร และให้จำเลยคืนเงินที่เรียกเก็บเพิ่มเติม
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องที่ฟ้องร้องกันนี้เป็นกรณีเกิดขึ้นและบังคับตามประมวลรัษฎากรก่อนมี พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 ใช้บังคับ ฉนั้นการพิจารณาคดีนี้จึงต้องวินิจฉัยตามมาตรา 61 ก่อนที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496
พิพากษายืน