คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7543/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนจะวินิจฉัยว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำร้อง ก็เป็นเพียงการรับรองสิทธิในที่ดินแก่ผู้ร้อง ทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้แก้ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดมาเป็นชื่อผู้ร้อง ตามที่ ป. ที่ดิน มาตรา 57 บัญญัติไว้ การที่เจ้าพนักงานที่ดินปฏิเสธการใช้สิทธิของผู้ร้องโดยอ้างเหตุว่าผู้ร้องไม่ยินยอมชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตาม ป. ที่ดิน มาตรา 103 เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ผู้ร้องพึงต้องนำคดีมาสู่ศาลในลักษณะของคดีมีข้อพิพาท การที่ผู้ร้องนำคดีเข้าสู่ศาลโดยทำเป็นคำร้องขอเพราะถือเป็นการใช้สิทธิทางศาล ไม่มีกฎหมายรองรับให้กระทำได้

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอขอให้ศาลมีคำสั่งให้แก้ชื่อจากนายนิพนธ์ อุดมมะนะ นายประเสริฐ อุดมมะนะ นางนิภาภรณ์ อุดมมะนะ นายวีรชัย อุดมมะนะ นางสาวอัญชนา อุดมมะนะ และนายศุภชัย อุดมมะนะ เป็นชื่อผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสารบบจดทะเบียนที่ดินโฉนดเลขที่ 12648 ตำบลพระโขนง (ที่ 11 พระโขนงฝั่งเหนือ) อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร โดยให้ได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม
ศาลชั้นต้นประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิเคราะห์คำร้องขอแล้วเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลเพื่อให้มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการจดทะเบียนแก้ชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 12648 ตำบลพระโขนง (ที่ 11 พระโขนงฝั่งเหนือ) อำเภอพระโขนง กรุงเทพมหานคร จากบุคคลอื่นมาเป็นผู้ร้อง โดยเจ้าพนักงานที่ดินไม่มีอำนาจเรียกค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมจากผู้ร้องหรือไม่ เห็นว่า แม้คำพิพากษาศาลฎีกาในคดีดังกล่าวจะวินิจฉัยว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำร้องขอ ก็เป็นเพียงการวินิจฉัยรองรับสิทธิในที่ดินให้แก่ผู้ร้อง ทำให้ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานที่ดินให้ทำการแก้ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินตามคำร้องมาเป็นชื่อของผู้ร้องเพื่อให้ถูกต้องตามที่ ป. ที่ดิน มาตรา 57 บัญญัติไว้ แต่เมื่อการใช้สิทธิของผู้ร้องถูกเจ้าพนักงานที่ดินปฏิเสธโดยอ้างเหตุผู้ร้องไม่ยินยอมชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามมาตรา 103 จึงเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานที่ดินโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องโดยตรง ต้องตามบทบัญญัติมาตรา 55 แห่ง ป.วิ.พ. ซึ่งหากผู้ร้องประสงค์ให้ศาลบังคับให้ได้ผลตามสิทธิของตนโดยผู้ร้องเห็นว่าเจ้าพนักงานที่ดินไม่มีสิทธิเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ร้อง ผู้ร้องก็พึงต้องนำคดีมาสู่ศาลในลักษณะของคดีมีข้อพิพาทโดยต้องฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินต่อศาลเพื่อให้วินิจฉัยว่าเจ้าพนักงานที่ดินมีเหตุตามกฎหมายในการไม่ยอมจดทะเบียนแก้ชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำร้องมาเป็นผู้ร้อง เพียงเพราะผู้ร้องไม่ยินยอมชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมได้หรือไม่ ฉะนั้น การที่ผู้ร้องนำคดีนี้เข้าสู่ศาลโดยทำเป็นคำร้องขอเพราะถือว่าเป็นการใช้สิทธิทางศาล ทั้ง ๆ ที่ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายรองรับให้กระทำได้ จึงไม่ถูกต้อง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยยกคำร้องขอของผู้ร้องมานั้น ชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share