คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับธนาคาร โดยยอมให้บุคคลอีกคนหนึ่งออกเช็คสั่งจ่ายเงินในบัญชีของตนได้ด้วยนั้น กรณีมิใช่เป็นเรื่องตั้งเป็นตัวแทนไปทำสัญญากู้ และข้อตกลงระหว่างผู้ไปทำสัญญากู้กับผู้ที่ตนยอมให้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินในบัญชีของตนได้ ก็ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือ
ออกเช็คสั่งจ่ายเงินตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีของบุคคลอื่นตามความตกลงระหว่างกัน ต้องรับผิดใช้เงินคืนให้แก่เจ้าของบัญชี แม้ธนาคารผู้ให้กู้จะยังไม่ได้ทวงถามเจ้าของบัญชีก็ตาม หากผู้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินนั้นถึงแก่ความตายก่อนชดใช้เงิน กองมรดกของผู้นั้นก็ต้องรับผิดต่อเจ้าของบัญชี
ข้อกฎหมายที่ยกขึ้นว่ากล่าวไว้แล้วในศาลชั้นต้น แต่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ จะยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าพระทำนุนิธิผลบิดาโจทก์ใช้ให้โจทก์ออกชื่อเป็นผู้กู้เงินโดยวิธีเบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคารโดยตกลงให้โจทก์หรือพระทำนุนิธิผลสั่งจ่ายเงินตามบัญชีได้และพระทำนุฯ ได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงินไป 148,133.26 บาท แล้วให้โจทก์ชำระดอกเบี้ยแก่ธนาคารตลอดมา โจทก์มีสิทธิอย่างตัวแทนที่จะเรียกให้พระทำนุฯ ใช้เงินพระทำนุฯวายชนม์ จำเลยซึ่งร่วมเป็นผู้จัดการมรดกของพระทำนุฯปฏิเสธความรับผิด ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระหนี้พร้อมด้วยดอกเบี้ยและเงินที่โจทก์จ่ายทดลองเป็นค่าดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่าโจทก์กู้ในฐานส่วนตัว ไม่ใช่ในฐานะตัวแทนพระทำนุฯ พระทำนุฯ ออกเช็คสั่งจ่ายเงินในฐานะผู้ค้ำประกันโจทก์มิใช่เป็นผู้กู้ จึงไม่ต้องรับผิด

ศาลสั่งให้เรียกนายจรัสพงษ์ เศาภายน ผู้จัดการมรดกอีกคนหนึ่งเข้าเป็นจำเลยร่วมตามที่โจทก์ร้องขอ จำเลยร่วมให้การว่า ตามสัญญากู้ โจทก์เป็นผู้กู้ จะสืบว่าเป็นตัวแทนพระทำนุฯ ไม่ได้ และที่อ้างว่าพระทำนุฯ ตั้งโจทก์เป็นตัวแทนกู้เงินก็ไม่มีหลักฐานการตั้งตัวแทนเป็นหนังสือ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้อง คดีโจทก์ขาดอายุความ

ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นจำเลยตาย ศาลสั่งให้ดำเนินคดีต่อไป แล้วพิพากษาให้จำเลยร่วมนำเงินกองมรดกชำระหนี้ให้โจทก์

จำเลยร่วมอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยร่วมฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าการที่พระทำนุฯ ตกลงขอให้โจทก์ไปทำสัญญากู้เพื่อเบิกเงินเกินบัญชีโดยให้พระทำนุฯ ออกเช็คสั่งจ่ายเงินได้นั้น กรณีมิใช่พระทำนุฯ ตั้งโจทก์เป็นตัวแทนไปทำสัญญากู้ตามรูปเรื่องเห็นได้ชัดว่าโจทก์ยอมเข้าผูกพันตนทำสัญญากู้เพื่อเบิกเงินเกินบัญชีต่อธนาคารโดยตรง โดยยอมให้พระทำนุฯ ออกเช็คสั่งจ่ายเงินในบัญชีของโจทก์ได้เท่านั้น ข้อตกลงระหว่างพระทำนุฯ กับโจทก์เช่นนี้ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือ เมื่อพระทำนุฯออกเช็คสั่งจ่ายเงินในบัญชีของโจทก์ซึ่งโจทก์จะต้องรับผิดชอบต่อธนาคารและโจทก์ได้ชำระดอกเบี้ยในเงินดังกล่าวตลอดมา พระทำนุฯ ก็ต้องรับผิดต่อโจทก์ ถึงแม้ธนาคารจะยังไม่ได้ทวงถามให้โจทก์ชำระหนี้นั้น แต่โจทก์ก็ต้องรับผิดใช้หนี้ที่พระทำนุฯ เบิกไปให้ธนาคารในฐานะที่โจทก์เป็นผู้กู้ เมื่อพระทำนุฯ วายชนม์ โจทก์ก็ชอบที่จะฟ้องขอให้กองมรดกของพระทำนุฯ รับผิด ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความนั้น จำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายืน

Share