คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1989/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำกล่าวดูหมิ่นว่า “กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ อีหน้าหัวควยพรรค์นี้” เป็นถ้อยคำที่มีความหมายดูหมิ่นผู้อื่นอยู่ในตัวแล้ว เพราะเป็นถ้อยคำที่สามัญชนเข้าใจได้ชัดอยู่ในตัวเอง ไม่ใช่ถ้อยคำพิเศษ ส่วนถ้อยคำพิเศษนั้น เป็นถ้อยคำที่สามัญชนฟังแล้วไม่เข้าใจ หรือฟังแล้วแปลเป็น 2 แง่ได้ โจทก์ไม่ต้องนำสืบอธิบาย
ฟ้องว่า จำเลยดูหมิ่นผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงว่า “กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ อีหน้าหัวควยพรรค์นี้ฯลฯ” แต่ชั้นพิจารณา ผู้เสียหายให้การว่าจำเลยดูหมิ่นผู้เสียหายว่า “กูไม่เอากับมึงให้เสียน้ำ ไอ้หน้าควยพรรค์นี้ อีเฮงซวย” เป็นการแตกต่างกันแต่เพียงพอความ ไม่ใช่แตกต่างกันในข้อสารสำคัญ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยดูหมิ่นนางสาวสุธิรา ตามสกุล ซึ่งหน้าว่า “กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ อีหน้าหัวควยพรรค์นี้ ฯลฯ” ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๙๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ปรับ ๒๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ในฎีกาข้อ ๒ ว่าคำว่า “กูไม่เอามึงให้เสียน้ำ อีหน้าหัวควยพรรค์นี้” เป็นคำพิเศษ โจทก์จะต้องนำสืบว่าคำดังกล่าวมีความหมายอย่างไร เมื่อโจทก์ไม่นำสืบอธิบาย ศาลก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ กับฎีกาในฎีกาข้อ ๓ ว่า ข้อเท็จจริงทางพิจารณาแตกต่างกับฟ้อง คือ ผู้เสียหายกลับให้การชั้นพิจารณาว่า จำเลยด่าผู้เสียหายว่า “กูไม่เอากับมึงให้เสียน้ำ ไอ้หน้าควยพรรค์นี้ อีเฮงซวย ” ย่อมลงโทษจำเลยไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า ในฎีกาข้อ ๒ คำกล่าวของจำเลยเป็นถ้อยคำที่มีความหมายเป็นการดูหมิ่นผู้อื่นอยู่ในตัวแล้ว สามัญชนพอเข้าใจได้ โจทก์ไม่ต้องสืบอธิบายถ้อยคำดังกล่าวอีก คำพิเศษนั้น จะต้องเป็นถ้อยคำที่สามัญชนฟังแล้วไม่เข้าใจ หรือฟังแล้วแปลเป็น ๒ แง่ได้ แต่ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวในคดีนี้ไม่ใช่ถ้อยคำเช่นนั้น คำด่าของจำเลยต่อผู้หญิงด้วยถ้อยคำเช่นนี้ ศาลและสามัญชนก็เข้าใจได้ชัดอยู่ในตัวเอง ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ส่วนฎีกาข้อ ๓ ปรากฎว่า ชั้นพิจารณา ผู้เสียหายเบิกความเพิ่งถ้อยคำไป ๓ ตัว คือ “อีเฮงซวย” ศาลฎีกาเห็นว่าไม่ใช่สารสำคัญ เป็นเพียงพอความ กับคำในฟ้องว่า “อี” แต่ชั้นพิจารณาว่า “ไอ้” เพียงเท่านี้ก็เป็นพอความไม่ใช่สารสำคัญถึงกับจะทำให้คดีโจทก์ต้องเสียไปเช่นกัน ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลยเสีย

Share