แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ให้การต่ออำเภออย่างหนึ่งแลให้การต่อศาลอีกอย่างหนึ่งในใจความสำคัญตรงกันข้ามเมื่อจำเลยรับว่าที่ให้การต่อศาลเป็นความจริงดังนี้ต้องฟังว่าคำให้การต่ออำเภอเป็นเท็จอยู่ในตัวแล้ว ต้องมีผิดตาม ม.118
ย่อยาว
คดีนี้เดิมจำเลยให้การไว้ต่อกรมการอำเภอว่า ก. กับพวกชวนจำเลยไปตามโค ครั้นไปถึงบ้าน จ. ก.กับพวกร้องขึ้นว่าอ้ายเสือเอาวาแล้วพังประตูบ้านเข้าไปปล้นทรัพย์ จำเลยตกใจกลัวจึงวิ่งหนีมาเสียก่อนเจ้าพนักงานหลงเชื่อจึงฟ้อง ก.แลพวกหาว่าปล้นทรัพย์ จ.โดยอ้างจำเลยเป็นพะยานจำเลยกลับให้การต่อศาลปฏิเสธว่าไม่ได้รู้เห็น ก.กับพวกทำการปล้น คงให้การแต่ว่าไปตามโคด้วยกันเท่านั้น ศาลจึงตัดสินปล่อย ก.กับพวก โจทก์จึงฟ้องคดีนี้ขอให้ลงโทษจำเลยฐานแจ้งความเท็จตาม ม.๑๑๘
จำเลยต่อสู้ว่าไม่เคยให้การไว้ต่อกรมการอำเภอเช่นนั้น
ศาลเดิมพิพากษาให้ยกฟ้อง โดยกล่าวว่า โจทก์มิได้นำสืบให้ได้ความจริงในเรื่อง ก.กับพวกว่าเป็นอย่างไร คงฟังได้แต่ว่าจำเลยมากลับคำชั้นศาลเท่านั้น
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยให้การไว้ต่ออำเภออย่างหนึ่ง แลให้การต่อศาลอีกอย่างหนึ่ง ในใจความสำคัญตรงกันข้าม แลจำเลยรับว่าที่ให้การต่อศาลเป็นความจริงเช่นนี้ต้องฟังว่าคำให้การต่ออำเภอเป็นเท็จอยู่ในตัวแล้วจึงพิพากษาว่าจำเลยมีผิดฐานแจ้งความเท็จตามมาตรา ๑๑๘ ให้จำคุก ๓ เดือน
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์