คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1606/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตกลงทำสัญญาชำระค่าเช่าที่ดินเป็นรายปี แต่มิได้กำหนดว่าจะชำระค่าเช่าเวลาใด ดังนี้ก็พึงชำระเมื่อสิ้นปี
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยตกลงชำระค่าเช่าล่วงหน้า จำเลยให้การต่อสู้ว่าสัญญาไม่ได้กำหนดชำระค่าเช่าเวลาใด จำเลยจึงมีสิทธิชำระให้เมื่อสิ้นปีการเช่า การที่จำเลยยอมชำระมาในปีก่อน ๆ เป็นเรื่องช่วยเหลือโจทก์เท่านั้น ดังนี้ ถือว่าจำเลยมิได้ให้การรับว่าได้มีข้อตกลงชำระค่าเช่าล่วงหน้า จึงเป็นหน้าที่โจทก์จะต้องนำสืบให้ได้ความตามฟ้อง มิฉะนั้น ก็ต้องแพ้คดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๐๑ จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินโจทก์มีกำหนด ๑๕ ปี เป็นเงินค่าเช่ารวม ๒๔,๗๕๐ บาท โดยชำระค่าเช่าเป็นรายปี ๆ ละ ๑,๖๕๐ บาท ตามที่โจทก์จำเลยปฏิบัติการชำระค่าเช่าต่อกันมานั้น ตกลงชำระล่วงหน้า จำเลยชำระค่าเช่าปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ในวันทำสัญญาชำระค่าเช่าปีที่ ๒ วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๐๒ แต่ค่าเช่าปีที่ ๓ เมื่อถึงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๐๓ จำเลยหาชำระให้โจทก์ไม่ โจทก์ทวงถาม จำเลยก็ผัดผ่อน จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า สัญญาเช่ามิได้กำหนดว่าจะพึงชำระค่าเช่า ณ เวลาใด จำเลยมีสิทธิที่จะชำระให้โจทก์เมื่อสิ้นปีตามสัญญาเช่า คือ วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๐๔ การที่จำเลยยอมชำระมาในปีก่อน ๆ เป็นเรื่องช่วยเหลือโจทก์ ๆ ยังไม่มีสิทธิฟ้อง
ในวันนัดชี้สองสถาน คู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำฟ้องและคำให้การ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ในสัญญาเช่ามิได้ระบุเวลาที่จำเลยจะต้องชำระค่าเช่าให้โจทก์ แต่คู่สัญญาอาจกำหนดวันไว้ด้วยวาจาหรือประการอื่นใดอันเป็นที่เข้าใจกันระหว่างคู่สัญญา และคู่ความอาจนำสืบในเรื่องนี้ได้ คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยตกลงชำระค่าเช่าล่ง
หน้า จำเลยให้การว่าการที่ยอมชำระล่วงหน้าเป็นการช่วยเหลือโจทก์ จำเลยย่อมมีหน้าที่นำสืบก่อน เมื่อไม่สืบจำเลยก็ต้องแพ้คดี พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเช่า ๑,๖๕๐ บาทให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เมื่อสัญญาเช่าไม่ได้กำหนดวันเวลาชำระค่าเช่ากันไว้ ก็ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๕๙ คือ ชำระในวันสิ้นรอบปีของการเช่า รอบปีการเช่ารอบที่๓ คือ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๐๔ ส่วนวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๐๓ ที่โจทก์ฟ้องนั้นเป็นเรื่องที่โจทก์ยังไม่มีสิทธิบังคับเรียกร้อง จะถือว่าจำเลยผิดสัญญายังไม่ได้ จำเลยให้การว่าเคยให้ค่าเช่าล่วงหน้า เป็นแต่รับรองการกระทำ ไม่ใช่รับรองว่าได้มีสัญญาหรือข้อตกลงชำระค่าเช่าดังโจทก์อ้าง การที่ปฏิบัติไปแล้วอย่างหนึ่ง อย่างใด หาใช่กลายเป็นข้อตกลงหรือประเพณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๕๙ ไม่ โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน แต่ไม่ได้สืบก็ต้องแพ้คดี พิพากษากลับยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยยอมชำระค่าเช่าในปีก่อน ๆ นั้น เป็นเรื่องช่วยเหลือโจทก์ คำให้การของจำเลยมิได้รับว่าได้มีข้อตกลงชำระค่าเช่าล่วงหน้า จึงเป็นหน้าที่โจทก์ที่จะต้องนำสืบให้ได้ความตามที่ฟ้อง มิฉะนั้น ก็หาวาจำเลยผิดสัญญาไม่ได้ คดีนี้ โจทก์ไม่สืบพยาน ปรากฏตามสัญญาเช่าว่ามิได้กำหนดเวลาชำระค่าเช่า จึงต้องเป็นไปตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ในเรื่องการชำระค่าเช่า คือ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๕๙ ดังศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาถูกต้องแล้ว ค่าเช่าปีที่ ๓ ยังไม่ถึงสิ้นปี โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้ชำระก่อนได้ ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า การที่โจทก์ยอมชำระค่าเช่าล่วงหน้ามาแล้ว ๒ ปี ถือได้ว่าเป็นประเพณีในการชำระค่าเช่าเท่านั้น คดีนี้โจทก์ฟ้องอ้างข้อตกลงไม่ได้อ้างประเพณี โจทก์จำเลยขอให้วินิจฉัยตามฟ้องและคำให้การ โจทก์จะยกประเพรีขึ้นโต้เถียงนอกฟ้องไม่ได้ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับชอบแล้ว

Share