คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 751/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้ประกันหลายคนยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยผู้ประกันทุกคนรวมกันมายื่น ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวก็เพราะเห็นว่าหากผู้ประกันผิดสัญญาประกันหลักทรัพย์และหลักประกันด้วยบุคคลรวมกันแล้วเป็นเงินจำนวนเพียงพอที่จะบังคับเอาชำระหนี้ได้ตามสัญญาประกัน มิได้แยกให้ผู้ประกันแต่ละคนรับผิดภายในวงเงินที่ระบุราคาทรัพย์หรือราคาประกันเท่านั้น เป็นกรณีที่ผู้ประกันทุกคนร่วมกันยื่นขอปล่อยจำเลยชั่วคราว และศาลชั้นต้นตีราคาประกันของผู้ประกันทุกคนรวมกันในวงเงินที่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ทั้งในสัญญาประกันก็มีข้อความระบุให้ศาลมีอำนาจบังคับผู้ประกันให้ใช้เบี้ยปรับเต็มตามจำนวนในสัญญาประกัน ผู้ประกันทุกคนจึงต้องร่วมกันรับผิดตามจำนวนในสัญญาประกันอย่างลูกหนี้ร่วม

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 199, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ผู้ประกันและผู้ประกันอื่นรวม 6 คน ได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราว เฉพาะผู้ประกันนำที่ดินน.ส.3 ตีราคา 13,900 บาท มาวางประกันตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ตีราคา 500,000 บาท และยึดหลักทรัพย์ต่อมาผู้ประกันผิดสัญญาประกันโดยไม่ส่งตัวจำเลยต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญา ต่อมาวันที่ 30 มิถุนายน 2541 ผู้ประกันนำเงิน 13,900 บาท มาชำระต่อศาลชั้นต้นเป็นค่าปรับและยื่นคำร้องขอ น.ส.3 ซึ่งเป็นหลักประกันคืนศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีผู้ประกันหลายคนประกันตัวจำเลยโดยมิได้จำกัดความรับผิดของแต่ละคนไว้เป็นลูกหนี้ร่วม แต่ตามบัญชีทรัพย์ท้ายสัญญาประกันซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประกันได้มีการตีราคาหลักทรัพย์ของผู้ประกันแต่ละคนและกำหนดวงเงินประกันกรณีใช้บุคคลเป็นหลักประกันไว้ จึงสามารถแยกจำนวนหนี้แต่ละคนจากบัญชีทรัพย์ดังกล่าวออกเป็นส่วนได้ การที่นายจรัส ชูเกลี้ยง ผู้ประกันคนหนึ่งชำระค่าปรับเท่ากับราคาในบัญชีทรัพย์ ผู้ประกันย่อมเข้าใจว่าตนต้องรับผิดตามส่วนเพียงเท่านั้น จึงเห็นควรให้รับค่าปรับไว้ ส่วนที่ขอรับหลักประกันคืนเมื่อผู้ประกันคนอื่นยังไม่ชำระหนี้และกรณีไม่แน่ว่าจะบังคับได้ครบจำนวนเงินประกันหรือไม่ นายประกันทุกคนยังผูกพันอยู่ทั่วทุกคนจนกว่าหนี้นั้นจะชำระสิ้นเชิง จึงให้ยึด น.ส.3 ของนายจรัส ชูเกลี้ยง นายประกันไว้ก่อน คำขอรับ น.ส.3 คืนให้ยก
ผู้ประกันอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ประกันฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ประกันฎีกาว่าผู้ประกันขอประกันตัวจำเลยโดยมีเจตนาให้ถือหลักทรัพย์ที่นำมาประกันเป็นหลักมิได้มุ่งเชื่อถือตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของหลักทรัพย์ เมื่อตามบัญชีทรัพย์ระบุราคาหลักประกันไว้ชัดแจ้งแล้ว ถือได้ว่าเป็นหนี้ที่แบ่งแยกความรับผิดโดยต้องรับผิดตามที่ระบุไว้ในบัญชีทรัพย์และในสัญญาประกันก็ไม่มีข้อความระบุให้ผู้ประกันทุกคนรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จึงให้ผู้ประกันรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมไม่ได้นั้นเห็นว่า การที่ผู้ประกันหลายคนยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยผู้ประกันทุกคนรวมกันมายื่น และที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวก็เพราะเห็นว่าหากผู้ประกันผิดสัญญาประกันหลักทรัพย์และหลักประกันด้วยบุคคลรวมกันแล้วเป็นเงินจำนวนเพียงพอที่จะบังคับเอาชำระหนี้ได้ตามสัญญาประกัน มิได้แยกให้ผู้ประกันแต่ละคนรับผิดภายในวงเงินที่ระบุราคาทรัพย์หรือราคาประกันเท่านั้นเป็นกรณีที่ผู้ประกันทุกคนร่วมกันยื่นขอปล่อยจำเลยชั่วคราว และศาลชั้นต้นตีราคาประกันของผู้ประกันทุกคนรวมกันในวงเงิน 500,000 บาททั้งในสัญญาประกันข้อ 6 ก็มีข้อความระบุให้ศาลมีอำนาจบังคับผู้ประกันให้ใช้เบี้ยปรับเต็มตามจำนวนในสัญญาประกัน ผู้ประกันทุกคนจึงต้องร่วมกันรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม
พิพากษายืน

Share