แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่ผู้ประกันหลายคนยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดย ผู้ประกันทุกคนรวมกันยื่นมา และที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อย จำเลยชั่วคราวก็เพราะเห็นว่าหากผู้ประกันผิดสัญญาประกัน หลักทรัพย์และหลักประกันด้วยบุคคลรวมกันแล้วเป็นเงินจำนวน เพียงพอที่จะบังคับเอาชำระหนี้ได้ตามสัญญาประกัน มิได้แยกให้ ผู้ประกันแต่ละคนรับผิดภายในวงเงินที่ระบุราคาทรัพย์หรือราคาประกันเท่านั้นแต่เป็นกรณีที่ผู้ประกันทุกคนร่วมกันยื่นขอปล่อยจำเลย ชั่วคราว และศาลชั้นต้นตีราคาประกันของผู้ประกันทุกคนรวมกัน ในวงเงิน 500,000 บาท ทั้งในสัญญาประกันข้อ 6 ก็มีข้อความ ระบุให้ศาลมีอำนาจบังคับผู้ประกันให้ใช้เบี้ยปรับเต็มตามจำนวนในสัญญาประกัน ดังนั้น ผู้ประกันทุกคนจึงต้องร่วมกันรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 199, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 ผู้ประกันและผู้ประกันอื่นรวม 6 คน ได้ยื่นคำร้องขอให้ปล่อยจำเลยชั่วคราว เฉพาะผู้ประกันนำที่ดิน น.ส. 3 เลขที่ 56 เล่ม (1) 41 หน้า 102 ตำบลคลองกระบืออำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ตีราคา 13,900 บาท มาวางประกันตามบัญชีทรัพย์ท้ายคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ตีราคา 500,000 บาท และยึดหลักทรัพย์ต่อมาผู้ประกันผิดสัญญาประกันโดยไม่ส่งตัวจำเลยต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งปรับผู้ประกันเต็มตามสัญญา ต่อมาวันที่ 30 มิถุนายน 2541ผู้ประกันนำเงิน 13,900 บาท มาชำระต่อศาลชั้นต้นเป็นค่าปรับและยื่นคำร้องขอ น.ส.3 ซึ่งเป็นหลักประกันคืนศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เห็นว่า กรณีผู้ประกันหลายคนประกันตัวจำเลยโดยมิได้จำกัดความรับผิดของแต่ละคนไว้เป็นลูกหนี้ร่วม แต่ตามบัญชีทรัพย์ท้ายสัญญาประกันซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาประกันได้มีการตีราคาหลักทรัพย์ของผู้ประกันแต่ละคนและกำหนดวงเงินประกันกรณีใช้บุคคลเป็นหลักประกันไว้ จึงสามารถแยกจำนวนหนี้แต่ละคนจากบัญชีทรัพย์ดังกล่าวออกเป็นส่วนได้ การที่นายจรัส ชูเกลี้ยงผู้ประกันคนหนึ่งชำระค่าปรับเท่ากับราคาในบัญชีทรัพย์ ผู้ประกันย่อมเข้าใจว่าตนต้องรับผิดตามส่วนเพียงเท่านั้นจึงเห็นควรให้รับค่าปรับไว้ ส่วนที่ขอรับหลักประกันคืน เมื่อผู้ประกันคนอื่นยังไม่ชำระหนี้และกรณีไม่แน่ว่าจะบังคับได้ครบจำนวนเงินประกันหรือไม่ นายประกันทุกคนยังผูกพันอยู่ทั่วทุกคนจนกว่าหนี้นั้นจะชำระสิ้นเชิง จึงให้ยึด น.ส.3 ของนายจรัส ชูเกลี้ยงนายประกันไว้ก่อน คำขอรับ น.ส.3 คืน ให้ยก
ผู้ประกันอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ประกันฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่ผู้ประกันฎีกาว่า ผู้ประกันขอประกันตัวจำเลยโดยมีเจตนาให้ถือหลักทรัพย์ที่นำมาประกันเป็นหลัก มิได้มุ่งเชื่อถือตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของหลักทรัพย์เมื่อตามบัญชีทรัพย์ระบุราคาหลักประกันไว้ชัดแจ้งแล้ว ถือได้ว่าเป็นหนี้ที่แบ่งแยกความรับผิดโดยต้องรับผิดตามที่ระบุไว้ในบัญชีทรัพย์ และในสัญญาประกันก็ไม่มีข้อความระบุให้ผู้ประกันทุกคนรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม จึงให้ผู้ประกันรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมไม่ได้นั้นเห็นว่าการที่ผู้ประกันหลายคนยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยผู้ประกันทุกคนรวมกันมายื่น และที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ปล่อยจำเลยชั่วคราวก็เพราะเห็นว่าหากผู้ประกันผิดสัญญาประกันหลักทรัพย์และหลักประกันด้วยบุคคลรวมกันแล้วเป็นเงินจำนวนเพียงพอที่จะบังคับเอาชำระหนี้ได้ตามสัญญาประกัน มิได้แยกให้ผู้ประกันแต่ละคนรับผิดภายในวงเงินที่ระบุราคาทรัพย์หรือราคาประกันเท่านั้น เป็นกรณีที่ผู้ประกันทุกคนร่วมกันยื่นขอปล่อยจำเลยชั่วคราว และศาลชั้นต้นตีราคาประกันของผู้ประกันทุกคนรวมกันในวงเงิน 500,000 บาท ทั้งในสัญญาประกันข้อ 6ก็มีข้อความระบุให้ศาลมีอำนาจบังคับผู้ประกันให้ใช้เบี้ยปรับเต็มตามจำนวนในสัญญาประกันผู้ประกันทุกคนจึงต้องร่วมกันรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ประกันฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน