คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6320/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาโจทก์แล้ว กระบวนพิจารณาเกี่ยวกับคดีทั้งหมดภายหลังจากนั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลฎีกาจะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยสั่งหรือมีคำพิพากษาต่อไป นอกจากอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแทนได้คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องโจทก์ภายหลังจากที่มีคำสั่งรับฎีกาแล้วว่าโจทก์ทิ้งฎีกา จึงเป็นคำสั่งที่ก้าวล่วงอำนาจหน้าที่และดุลพินิจของศาลฎีกา ไม่มีบทกฎหมายใดสนับสนุนให้ศาลชั้นต้นสั่งเช่นนั้นได้ เป็นคำสั่งไม่ชอบคำสั่งรับอุทธรณ์โจทก์ของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นผลจากคำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งไม่ชอบเช่นกัน ส่วนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ฟังว่า โจทก์จงใจทิ้งฎีกาเป็นคำสั่งสืบเนื่องมาจากคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งโดยปราศจากอำนาจจึงถือว่าเป็นคำพิพากษาที่มิชอบ เพราะคำพิพากษาดังกล่าวได้รับวินิจฉัยข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่มิได้ว่ากล่าวมาโดยชอบของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 คดีนี้โจทก์มิได้นำส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด โดยโจทก์ยื่นคำร้องถึงเหตุดังกล่าวว่าหลงลืม ซึ่งถือได้ว่าโจทก์จงใจทิ้งฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 และมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกา

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาและสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่จำเลยใน 7 วัน มิฉะนั้นถือว่าทิ้งฎีกาโจทก์ไม่ได้นำส่งสำเนาฎีกาภายในกำหนดและได้ยื่นคำร้องขอชำระค่าส่งหมายและสำเนาฎีกาให้แก่จำเลย ตามคำร้องลงวันที่ 28 มิถุนายน 2536
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า กรณีถือว่าโจทก์ไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดให้ส่งสำเนาฎีกา ซึ่งเป็นการทิ้งฎีกาไปตามคำสั่งของศาลที่มีไว้แล้วในขณะรับฎีกา จึงไม่อนุญาตให้ส่งสำเนาฎีกา ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งมาศาลอุทธรณ์ภาค 3
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ภายหลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาโจทก์เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2536 แล้ว กระบวนพิจารณาเกี่ยวกับคดีทั้งหมดภายหลังจากนั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของศาลฎีกาจะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยสั่งหรือมีคำพิพากษาต่อไปนอกจากอำนาจหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้โดยชัดแจ้งให้ศาลชั้นต้นดำเนินการแทนได้คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งคำร้องโจทก์ฉบับลงวันที่ 28 มิถุนายน 2536ที่ว่าโจทก์ทิ้งฎีกาตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่มีไว้ขณะรับฎีกาจึงเป็นคำสั่งที่ก้าวล่วงอำนาจหน้าที่และดุลพินิจของศาลฎีกา เป็นคำสั่งที่ไม่ทีบทกฎหมายใดสนับสนุนให้ศาลชั้นต้นสั่งเช่นนั้นได้เป็นคำสั่งไม่ชอบ คำสั่งรับอุทธรณ์โจทก์ของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นผลจากคำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งไม่ชอบเช่นกัน ส่วนคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ฟังว่า โจทก์จงใจทิ้งฎีกาเป็นคำสั่งสืบเนื่องมาจากคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งโดยปราศจากอำนาจ จึงถือว่าเป็นคำพิพากษาที่มิชอบ เพราะคำพิพากษาดังกล่าวได้รับวินิจฉัยข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงที่มิได้ว่ากล่าวมาโดยชอบของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 คดีนี้โจทก์มิได้นำส่งสำเนาฎีกาให้จำเลยภายในกำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด โดยโจทก์ยื่นคำร้องถึงเหตุดังกล่าวว่าหลงลืม ซึ่งถือได้ว่าโจทก์จงใจทิ้งฟ้องฎีกา คำร้องโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องฎีกา และรับอุทธรณ์ของโจทก์ และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่รับวินิจฉัยอุทธรณ์โจทก์ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกาค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share