แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้นำจดหมายปิดประกาศโฆษณามีข้อความหมิ่นประมาทใส่ความนายสอนกำนันตำบลนาโยงมี ใจความว่า “นายสอนกำนันเป็นคนธรรมดาขาดการศึกษาดีงาม ชอบแต่ขู่เข็ญราษฎรเพื่อหวังผลประโยชน์แก่ส่วนตัวฝ่ายเดียว ฯลฯ” ดังนี้ฟ้องของโจทก์ได้กล่าวข้อความในส่วนที่กล่าวหาว่าจำเลยหมิ่นประมาทนายสอนกำนันนั้นไว้ในฟ้องโดยบริบูรณ์ตามความหมายแห่ง ป.ม.วิ.อาญามาตรา 158(5) วรรค 2 แล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้นำจดหมายปิดประกาศโฆษณามีข้อความหมิ่นประมาทใส่ความนายสอนกำนันตำบลนาโยงมีใจความว่า “นายสอนกำนันเป็นคนธรรมดาขาดการศึกษาดีงาม ชอบแต่ขู่เข็ญราษฎร เพื่อหวังประโยชน์แก่ส่วนตัวฝ่ายเดียว ฯลฯ” ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๘๒, ๑๑๖ จำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสืบผู้เสียหายได้ปากเดียว สั่งงดสืบพะยานฝ่ายจำเลย วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถ้อยคำในหนังสือที่อ้างว่าเป็นข้อความหมิ่นประมาทโดยบริบูรณ์และมิได้ติดมาท้ายฟ้องตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๑๕๘(๕) วรรค ๒ พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า หนังสือที่โจทก์หาว่าจำเลยโฆษณาหมิ่นประมาทแล้ว โจทก์ได้กล่าวข้อความในส่วนที่กล่าวหาว่า จำเลยหมิ่นประมาทนายสอนกำนันไว้ในฟ้องโดยบริบูรณ์แล้ว ส่วนข้อความอื่น ๆ เป็นแต่ส่วนประกอบ ซึ่งอยู่ในคั่นที่จะพิจารณาว่า การกระทำของจำเลยต้องด้วยข้อยกเว้น ตามมาตรา ๒๘๓ หรือไม่ หาจำเป็นต้องกล่าวมาในฟ้องไม่ฟ้องของโจทก์ได้กล่าวข้อความในหนังสือที่เกี่ยวกับข้อความหมิ่นประมาทนายสอนกำนันไว้โดยบริบูรณ์ตามความหมายแห่ง ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘(๕) วรรค ๒ แล้ว
พิพากษายืน