คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7506/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสมัครเข้าเป็นสมาชิกของโจทก์ต่อมาจำเลยใช้สิทธิในฐานะสมาชิกทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์ พร้อมอาคารพาณิชย์ ซึ่งมีข้อตกลงในสัญญาว่าจำเลยจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายของค่าบริการ และจะปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของโจทก์ ซึ่งจำเลยได้เข้าครองครองตั้งแต่รับมอบจากโจทก์เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน จำเลยจึงต้องมีหน้าที่ชำระค่าน้ำ ค่าบริการ และค่าหุ้นแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยค้างชำระค่าน้ำประปาตั้งแต่เดือนมกราคม 2532 ถึงเดือนพฤษภาคม 2534จำนวน 27 เดือน เป็นเงิน 25,969 บาท ค้างชำระค่าบริการถึงวันฟ้องรวม 1 เดือน เป็นเงิน 100 บาท และค้างชำระค่าหุ้นรวม 11 หุ้น หุ้นละ 50 บาท รวมเป็นเงิน 550 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 26,646 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์นั้น เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง ส่วนจำเลยจะค้างชำระค่าน้ำประปาเดือนใดบ้าง คิดเป็นเงินเดือนละเท่าใดนั้นเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไป ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม การที่จำเลยซื้อที่ดินและอาคารพาณิชย์จากสหกรณ์บริการโจทก์ได้ก็เนื่องมาจากจำเลยสมัครเข้าเป็นสมาชิกของโจทก์ก่อนและตามข้อบังคับของโจทก์ก็ระบุไว้มีใจความว่าโจทก์ให้บริการต่าง ๆ เฉพาะแก่สมาชิกและครอบครัวเท่านั้น ดังนั้น การที่โจทก์ให้บริการน้ำประปาในหมู่บ้านของโจทก์ จึงเป็นการให้บริการเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นสมาชิก มิได้ให้บริการแก่บุคคลทั่วไปการประกอบกิจการของโจทก์ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการผลิตจำหน่ายน้ำประปาแก่สมาชิกจึงไม่มีลักษณะเป็นการค้า ดังนั้น การที่โจทก์เรียกค่าน้ำประปาที่ค้างชำระจากจำเลย จึงมิใช่กรณีที่โจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันพึงได้รับในการนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(7) เดิม อันมีอายุความ 2 ปี เมื่อไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่นก็ต้องใช้อายุความ 10 ปีตามมาตรา 164 เดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีฐานะเป็นนิติบุคคลประเภทสหกรณ์บริการเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2531 จำเลยได้สมัครเป็นสมาชิกของโจทก์ต่อมาในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2530 จำเลยได้ใช้สิทธิในฐานะสมาชิกเข้าทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ 137435 เนื้อที่ 12 ตารางวา พร้อมอาคารพาณิชย์ เลขที่ 4/88 มีข้อตกลงในการทำสัญญาว่าจำเลยจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายของค่าคหบาล (ค่าบริการ) จำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินพร้อมอาคารตั้งแต่วันได้รับมอบจากโจทก์เป็นต้นมาจนถึงวันฟ้อง จำเลยมีหน้าที่ต้องชำระค่าน้ำ ค่าบริการและค่าหุ้นให้แก่โจทก์ปรากฏว่า จำเลยไม่ได้ชำระค่าน้ำ ค่าบริการและค่าหุ้นให้แก่โจทก์ คงค้างชำระค่าน้ำประปาตั้งแต่เดือนมกราคม 2532 ถึงเดือนพฤษภาคม 2534 จำนวน 27 เดือน เป็นเงิน 25,969 บาทค้างชำระค่าบริการอันเป็นค่าใช้จ่ายของคหบาล เพื่อประโยชน์ร่วมกันในหมู่บ้านตั้งแต่เดือนกันยายน 2534 ถึงวันฟ้องเป็นเวลา 1 เดือนเป็นเงิน 100 บาท ค้างชำระค่าหุ้นซึ่งตามระเบียบและข้อบังคับของโจทก์อยู่ในฐานะสมาชิกของโจทก์จะต้องชำระค่าหุ้นให้แก่โจทก์อย่างน้อยเดือนละ 1 หุ้น แต่จำเลยค้างชำระตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2533 ติดต่อกันจนถึงวันฟ้องรวม 11 หุ้น หุ้นละ 50 บาท เป็นเงิน 550 บาท รวมเป็นเงินที่จำเลยค้างชำระทั้งสิ้น 26,646 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 26,646 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยชำระค่าบริการแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 100 บาท และอัตราขึ้นลงตามที่โจทก์ทำการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
จำเลยให้การว่า ตั้งแต่จำเลยได้ซื้อที่ดินพร้อมอาคารพาณิชย์เลขที่ 4/88 จากโจทก์มา จำเลยได้ให้นายเสด็จหรือเผด็จ ทวีกุลกับพวกเช่าอยู่อาศัยตลอดมา จำเลยแจ้งต่อตัวแทนของโจทก์หลายครั้งว่าให้โจทก์เก็บค่าน้ำประปาจากนายเสด็จกับพวก การที่โจทก์ปล่อยปละละเลยไม่ได้เก็บค่าน้ำประปาจากนายเสด็จเป็นความผิดของโจทก์เอง จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด ทั้งโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาว่าจำเลยได้ค้างชำระค่าน้ำประปาแต่ละเดือนเป็นเงินจำนวนเท่าใด เดือนใดบ้างที่จำเลยค้างชำระเป็นการยากที่จำเลยจะให้การต่อสู้คดี เพราะจำเลยได้รับรายงานจากนายเสด็จว่าบางครั้งโจทก์ก็มาเก็บค่าน้ำประปาโดยไม่ออกใบเสร็จเป็นทางการให้ ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม แต่การที่โจทก์ไม่บรรยายฟ้องถึงวันเดือนปีที่จำเลยค้างชำระค่าน้ำประปาจนทำให้จำเลยไม่สามารถให้การต่อสู้คดีเรื่องอายุความในการฟ้องร้องได้ จำนวนเงินเท่าใดที่ขาดอายุความ 2 ปี แล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าน้ำประปา 24,797 บาทค่าบริการ 100 บาท ค่าหุ้น 550 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 25,447 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จกับให้จำเลยชำระค่าบริการแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 100 บาท หรืออัตราตามข้อบังคับโจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะพ้นสมาชิกภาพของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ เห็นว่า ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยสมัครเข้าเป็นสมาชิกของโจทก์ ต่อมาจำเลยใช้สิทธิในฐานะสมาชิกทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับโจทก์ตามโฉนดเลขที่ 137435 ตำบลคลองกุ่ม อำเภอบางกะปิ กรุงเทพมหานครเนื้อที่ 12 ตารางวา พร้อมอาคารพาณิชย์ เลขที่ 4/88 ซึ่งมีข้อตกลงในสัญญาว่าจำเลยจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายของคหบาล (ค่าบริการ)และจะปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของโจทก์ ซึ่งจำเลยได้เข้าครอบครองตั้งแต่รับมอบจากโจทก์เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน จำเลยจึงต้องมีหน้าที่ชำระค่าน้ำ ค่าบริการและค่าหุ้นแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยค้างชำระค่าน้ำประปาตั้งแต่เดือนมกราคม 2532 ถึงเดือนพฤษภาคม 2534 จำนวน 27 เดือน เป็นเงิน 25,969 บาทค้างชำระค่าบริการตั้งแต่เดือนกันยายน 2534 ถึงวันฟ้องรวม 1 เดือนเป็นเงิน 100 บาท และค้างชำระค่าหุ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2533ถึงวันฟ้องรวม 11 หุ้น หุ้นละ 50 บาท รวมเป็นเงิน 550 บาทรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 26,646 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์นั้น เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง ส่วนจำเลยจะค้างชำระค่าน้ำประปาเดือนใดบ้าง คิดเป็นเงินเดือนละเท่าใดนั้นเป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถนำสืบในชั้นพิจารณาต่อไป ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
ปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปมีว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกให้จำเลยชำระหนี้ค่าน้ำประปานั้นจึงมีอายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165(7) เดิมหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยซื้อที่ดินและอาคารพาณิชย์จากโจทก์ได้นั้น เนื่องมาจากจำเลยสมัครเข้าเป็นสมาชิกของโจทก์ก่อน และตามข้อบังคับของโจทก์ ก็ระบุไว้มีใจความว่าโจทก์ให้บริการต่าง ๆ เฉพาะแก่สมาชิกและครอบครัวเท่านั้นดังนั้นการที่โจทก์ให้บริการน้ำประปาในหมู่บ้านของโจทก์ จึงเป็นการให้บริการเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นสมาชิก มิได้ให้บริการแก่บุคคลทั่วไปการประกอบกิจการของโจทก์ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการผลิตจำหน่ายน้ำประปาแก่สมาชิกจึงไม่มีลักษณะเป็นการค้า ดังนั้น การที่โจทก์เรียกค่าน้ำประปาที่ค้างชำระจากจำเลย จึงมิใช่กรณีที่โจทก์เป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆ เรียกเอาสินจ้างอันพึงได้รับในการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) เดิมอันมีอายุความ 2 ปี เมื่อไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้เป็นอย่างอื่นก็ต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164 เดิม โจทก์ฟ้องว่าจำเลยค้างชำระค่าน้ำประปาตั้งแต่เดือนมกราคม 2532 ถึงเดือนพฤษภาคม 2534 เมื่อนับถึงวันฟ้องคือวันที่ 20 กันยายน 2534ยังไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share