แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขับรถยนต์กะบะล้ำกึ่งกลางถนน เพราะรถกว้างกว่าครึ่งถนนไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2498 เวลากลางวัน จำเลยได้ขับรถยนต์บรรทุกคันหมายเลข น.ฐ.0105 ไปตามถนนซอยวัดไผ่เงินด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังอันควรเป็นวิสัยของปกติชนกล่าวคือ จำเลยขับรถเลยกึ่งกลางถนน โดยตั้งใจกีดขวางทางรถที่สวนทางมา จึงเป็นเหตุให้รถคันที่จำเลยขับชนเด็กชายชำนาญ วงศ์อร่าม อายุ 9 ขวบ กระเด็นไปจากรถจักรยานสองล้อที่เด็กชายชำนาญขับขี่และได้ถูกรถคันที่จำเลยขับบดทับตามร่างกายจนเด็กชายชำนาญถึงแก่ความตายในวันเวลาดังกล่าวนั้น ดังปรากฏตามรายงานชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้อง เหตุเกิดที่ตำบลทุ่งวัดดอน อำเภอยานนาวา จังหวัดพระนคร ขอให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา (ฉบับที่ 15) พ.ศ. 2496 มาตรา 3
พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 29(3)(4)
จำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อหา
ในระหว่างพิจารณานายประภา วงศ์อร่าม บิดาผู้ตายได้ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ด้วย ศาลอนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมได้
ศาลอาญาพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 252 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะอาญา (ฉบับที่ 15) พ.ศ. 2496 มาตรา 3 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 มาตรา 29(3)(4) ให้จำคุกฐานขับรถชนคนตายโดยประมาทไว้ 3 ปี ปรับฐานกระทำผิดพระราชบัญญัติจราจรทางบก 100 บาท ถ้าไม่มีเงินเสียค่าปรับให้จัดการตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 18
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยไม่ได้ทำผิดตามฟ้องโจทก์จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์เสีย แต่ให้ขังจำเลยไว้ในระหว่างฎีกา เว้นแต่จำเลยจะมีประกันอันเป็นที่พอใจของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว ทางพิจารณาได้ความว่า เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2498 เวลากลางวันเด็กชายชำนาญผู้ตาย อายุ 9 ขวบ กับเด็กชายฮั้งมิ้ง อายุ 12 ขวบ เล่นขี่จักรยานสองล้อสำหรับเด็กเล่นด้วยกัน ครั้งแรกเล่นกันอยู่ในบ้านแล้วก็ขี่ออกไปเล่นที่ถนนหรือซอยวัดไผ่เงินซึ่งเป็นถนนกว้าง 3.40 เมตร โดยผู้ตายเป็นคนขับเด็กชายฮั้งมิ้งนั่งตรงที่สำหรับนั่งซึ่งอยู่ทางหัวรถระหว่างที่ผู้ตายขับรถไปตามถนนนั้น จำเลยได้ขับรถยนต์บรรทุกหมายเลข น.ฐ.0105 สวนทางมา เมื่อรถทั้งสองสวนทางกัน ปรากฏว่ารถจักรยานที่เด็กขี่ล้มลง เด็กทั้งสองตกจากรถ เด็กชายฮั้งมิ้งกลิ้งไปอยู่ริมถนน ส่วนเด็กชายชำนาญผู้ตายถูกล้อหลังด้านขวาของรถบรรทุกทับกระโหลกศีรษะแตกถึงแก่ความตาย นายร้อยตำรวจเอกประสิทธิ์ผู้สอบสวนเบิกความว่า ในชั้นสอบสวนไม่ได้ความชัดว่า การที่ผู้ตายถูกรถทับตายนั้นเป็นความผิดของจำเลย หรือเป็นความผิดของผู้ตาย
ข้อที่โจทก์ฎีกาขอให้กลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้น ศาลฎีกาได้พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์จำเลยแล้ว เห็นว่าคดีนี้โจทก์มีประจักษ์พยานแต่เด็กชายฮั้งมิ้งผู้เดียว เบิกความว่า เมื่อก่อนรถจะสวนกัน พยานเห็นรถจำเลยอยู่ห่างสัก 12 วา จึงบอกผู้ตายว่ารถมาแล้ว แต่ผู้ตายเฉย ๆ ไม่พูดว่ากระไร แล้วก็ชลอรถที่ขี่ให้ช้าลง ทันใดรถโกดังก็ชนรถผู้ตายทันที โดยชนถูกที่ข้างรถ พยานก็ถูกชนที่ไหล่เลยตกจากรถไปนอนกลิ้งอยู่ริมถนน ส่วนผู้ตายกระเด็นไปนอนกลิ้งอยู่ริมถนน ห่างรถผู้ตายประมาณ 4 วา มีคนร้องตะโกนให้รถโกดังหยุด รถโกดังก็หยุด ที่ปลายข้อศอกขวาของพยานมีบาดแผลถูกกะบะรถโกดังเฉี่ยวเอา แต่นายร้อยตำรวจเอกประสิทธิ์ผู้สอบสวนคดีนี้เบิกความว่า พยานได้ตรวจดูรถจักรยานของผู้ตายแล้ว ไม่มีรอยถูกรถชนเลย ศาลฎีกาเห็นว่า ถ้าคำเบิกความของเด็กชายฮั้งมิ้งเป็นความจริงแล้ว ก็น่าจะมีวัตถุพยานเป็นรอยให้เห็นได้ว่ารถจักรยานนั้นได้ถูกชน ฉะนั้น คำของเด็กชายฮั้งมิ้งพยานโจทก์จึงยังฟังไม่ได้ว่ารถจำเลยชนรถจักรยานผู้ตาย หรือชนผู้ตายก่อนแล้วผู้ตายกระเด็นตกจากรถไปถูกล้อรถจำเลยทับตายดังโจทก์ฟ้อง
ส่วนข้อที่โจทก์ฟ้อง อ้างว่าจำเลยขับรถกินทางขวาเลยกึ่งกลางถนนโดยตั้งใจกีดขวางทางจราจร ซึ่งโจทก์ถือว่าเป็นความประมาทของจำเลยนั้น ได้ความจากนายร้อยตำรวจเอกประสิทธิ์พยานโจทก์ว่ากินทางเพียง 40 เซ็นต์ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยขับรถมาชิดขอบถนนด้านซ้ายอยู่แล้ว แต่หากรถของจำเลยกว้างกว่าครึ่งหนึ่งของถนนรถจึงกินทางขวาไปตามส่วนกว้างของรถที่เกินเท่านั้น ซึ่งถ้าเอาความกว้างของรถจำเลยหักออกจากความกว้างของถนนแล้วก็ยังมีทางเหลือที่รถผู้ตายจะขี่ไปได้กว้าง 1 เมตร 15 เซ็นต์ ถนนสายนี้ได้ความจากเด็กชายฮั้งมิ้งว่า มีรถยนต์วิ่งไปมาอยู่เสมอพระราชบัญญัติจราจรทางบกที่โจทก์อ้างในฟ้อง ก็มิได้ห้ามว่าผู้ขับรถยนต์จะขับรถกินทางเลยกว่าครึ่งถนนไม่ได้ ฉะนั้น การที่จำเลยขับรถเข้าไปในถนนนี้จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นการกีดขวางทางจราจรอันเป็นความประมาทปราศจากความระมัดระวังของจำเลยดังโจทก์ฟ้อง นอกจากนั้นได้ความว่าผู้ตายก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ขับขี่รถจักรยานสองล้อได้ขับขี่รถเล่นในถนนหลวง ซึ่งมีรถยนต์วิ่งไปมาอยู่เสมอ ทั้งเด็กชายฮั้งมิ้งยังนั่งข้างหน้าผู้ตายซึ่งขับอยู่ข้างหลัง อาจทำให้จักรยานสองล้อแกว่งไปมาได้ และการที่กะบะรถของจำเลยเฉี่ยวเอาไหล่เด็กชายฮั้งมิ้งได้นั้น ก็น่าจะเป็นเพราะผู้ตายขับรถแกว่งไปถูกกะบะรถจำเลย และเป็นเหตุให้รถล้มลงแล้วผู้ตายกระเด็นไปถูกล้อหลังรถจำเลยทับตาย จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการกระทำของผู้ตายเอง หาได้เกิดจากความประมาทของจำเลยไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์เสียนั้นชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาโจทก์