คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 75/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หลอกลวงให้ถอนฟ้องไม่ผิดฐานฉ้อโกง. ฟ้องว่าจำเลยหลอกลวงให้ส่งหนังสือสัญญาหรือสลักหลังหนังสือสัญญา แต่ไม่ได้กล่าวว่าโจทก์ได้ส่งหรือสลักหลังให้หรือไม่ดังนี้ ถือว่าเป็นข้อหาที่เลื่อนลอย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องกล่าวความว่าเดิมโจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๒ หาว่าปลอมหนังสือและฉ้อโกง ก่อนถึงกำหนดนัดไต่สวนมูลฟ้องจำเลยที่ ๑,๓,๔ ไปหาโจทก์ บอกว่าจำเลยที่ ๒ ติดธุระฝากค่าเสียหายมาให้โจทก์ ๒๐ บาท ขอให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๒ จำเลยทั้ง ๓ (ที่ ๑,๓,๔) จะให้ค่าเสียหายแก่โจทก์อีก ๒๐๐ บาท แทนจำเลยที่ ๒ และขอให้โจทก์ส่งสัญญาขายฝากบ้านนางแม้นซึ่งโจทก์จัดการแทนหรือสลักหลังสัญญาว่าจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นผู้ให้สัญญาจะขายฝากได้ชำระให้เสร็จแล้ว โจทก์ยินยอมเพราะเห็นแก่จำเลย และได้ถอนฟ้องจำเลยที่ ๒ ต่อมาโจทก์จึงทราบว่าจำเลยทั้ง ๔ สมคบกันหลอกลวงให้โจทก์ถอนฟ้อง และให้ส่งสัญญาขายฝาก จำเลยหาได้นำเงิน ๒๐๐ บาทมาชำระตามสัญญาไม่ ขอให้ลงโทษ.
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์โดยมิได้บรรยายว่าจำเลยใช้อุบายหลอกลวงอันเป็นองค์ความผิดสำคัญในฐานฉ้อโกงตามกฏ หมายลักษณอาญามาตรา ๓๐๔.
โจทก์อุทธรณ์ ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องโจทก์กล่าวความไม่เป็นผิดอาญาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น.
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่าเรื่องนี้จำเลยขอให้โจทก์ถอนฟ้อง แม้จะหลอกลวงให้ถอนและโจทก์หลงถอน ก็หามีผิดฐานฉ้อโกงตามกฏหมายลักษณอาญามาตรา ๓๐๔ ไม่ ในเรื่องสัญญาขายฝากบ้าน โจทก์ก็กล่าวมาลอยๆ ไม่ชัดเจนว่าเกี่ยวกับเรื่องที่ฟ้องจำเลยที่ ๒ ไว้อย่างไร เมื่อจำเลยขอแล้วก็ไม่ปรากฏโจทก์ส่งสัญญาหรือสลักหลังสัญญาอย่างใด เป็นข้อหาที่เลื่อนลอยไม่มีใครจะเข้าใจได้ชัดแจ้ง ย่อมเป็นข้อฟ้องที่เคลือบคลุมไม่บริบูรณ์ตามมาตรา ๑๕๘ (๕) ประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณา จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์.

Share