คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 748/2509

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่ศาลพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิไถ่ถอนการขายฝากได้นั้น ศาลบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 15 วัน ย่อมเป็นการบังคับทั้งโจทก์และจำเลย แต่เมื่อพ้นระยะเวลา 15 วันตามคำบังคับจะถือว่าเป็นอันหมดสิทธิไถ่ถอนยังไม่ได้ เพราะคำพิพากษามิได้กล่าวไว้เช่นนั้น เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะขอให้ดำเนินการบังคับคดีให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271
เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาแล้วย่อมเกิดเป็นหนี้ตามคำพิพากษาขึ้น โจทก์จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษานั้น โดยโจทก์จำเลยต่างก็กลายสภาพเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา อันจะบังคับกันได้ภายในกำหนด 10 ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 271 หาใช่เป็นการขยายระยะเวลาไถ่ถอนไม่.

ย่อยาว

คดีนี้มีปัญหาขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเกี่ยวกับการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งได้พิพากษาให้โจทก์มีสิทธิไถ่ถอนการขายฝากที่ดินโฉนดที่ ๑๓๑, ๑๓๒ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๐๑ แล้วมีคำบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน ๑๕ วัน จนวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๐๕ โจทก์ที่ ๓ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้น ขอให้เรียกจำเลยมารับเงินค่าไถ่ถอน ต่อมาวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๐๖ โจทก์ที่ ๑ ยื่นคำร้องว่าได้นำเงิน ๓๐,๐๐๐ บาทมาวางศาลแล้ว จำเลยได้คัดค้านไม่ยอมให้ไถ่ถอน อ้างว่าโจทก์ไม่ใช้สิทธิไถ่ถอนภายใน ๑๕ วันตามคำบังคับ ย่อมหมดสิทธิ ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้องขอไถ่ถอนของโจทก์
โจทก์ที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์ยังมีสิทธิขอไถ่ถอนภายในกำหนดอายุการบังคับคดี พิพากษากลับให้โจทก์มีสิทธิไถ่ถอนการขายฝากได้
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามที่จำเลยฎีกาว่าคดีนี้ศาลบังคับให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน ๑๕ วัน เป็นการบังคับทั้งโจทก์และจำเลย เมื่อโจทก์ไม่เอาเงินมาชำระให้จำเลยภายในกำหนด ก็เป็นอันหมดสิทธิไถ่ถอนนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในข้อที่ว่าคดีนี้ศาลได้มีคำบังคับทั้งโจทก์และจำเลย แต่เมื่อพ้นระยะเวลา ๑๕ วันตามคำบังคับแล้ว จะถือว่าเป็นอันหมดสิทธิไถ่ถอนตามที่จำเลยฎีกามานั้นยังไม่ได้ เพราะคำพิพากษามิได้กล่าวไว้เช่นนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะขอให้ดำเนินการบังคับคดีให้โจทก์ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๗๑ ได้
ที่จำเลยฎีกาว่า คดีนี้สัญญาขายฝากมีกำหนด ๒ ปีเท่านั้น ถ้าเอาอายุการบังคับคดี ๑๐ ปีมาใช้ ก็จะกลายเป็นยืดระยะเวลาการไถ่ถอนการขายฝาก เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๙๖ ซึ่งห้ามมิให้ขยายเวลาไถ่ถอนนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาแล้วย่อมเกิดเป็นหนี้ตามคำพิพากษาขึ้น โจทก์จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำพิพากษานั้น โดยโจทก์จำเลยต่างก็กลายสภาพเป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษาอันจะบังคับคดีกันได้ภายในกำหนด ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๑ หาใช่เป็นการขยายระยะเวลาไถ่ถอนดังที่จำเลยฎีกาขึ้นมาไม่
พิพากษายืน.

Share