คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7469/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เกี่ยวกับสำนวนคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ มีระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ พ.ศ. 2541 ข้อ 23 กำหนดว่า “เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการแล้ว ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งคำสั่งแก่ผู้มีส่วนได้เสียทราบโดยเร็ว” การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งคำขอรับชำระหนี้แล้ว หากยังไม่ได้แจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ จะถือว่าผู้มีส่วนได้เสียทราบคำสั่งในวันนั้นและเริ่มนับระยะเวลาในการยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/32 วรรคสาม หาได้ไม่ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ แต่ไม่ปรากฏว่าเจ้าหนี้ทราบคำสั่งดังกล่าว อีกทั้งปรากฏว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ทราบโดยได้ส่งสำเนาคำสั่งคำขอรับชำระหนี้ทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังเจ้าหนี้ คำสั่งดังกล่าวมีบุคคลอื่นรับไว้แทนเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2544 จึงต้องถือว่าเจ้าหนี้ทราบคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ในวันดังกล่าว การนับระยะเวลาในการยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2544 การที่เจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านในวันที่ 29 มกราคม 2544 จึงอยู่ภายในกำหนดเวลา 14 วันนับแต่วันที่ทราบคำสั่ง เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และตั้งบริษัทไพร้ชวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส คอร์ปอเรท รีสตรัคเจอร์ริ่ง จำกัด เป็นผู้ทำแผน
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้เช่าพื้นที่โรงงานเป็นเงิน ๙,๒๔๔,๑๖๐.๑๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๗,๖๖๑,๔๑๐ บาท นับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะเสร็จจากการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้บรรดาเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้ทำแผนตรวจคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๒๙ แล้ว ปรากฏว่าผู้ทำแผนโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ ให้ยกคำขอรับชำระหนี้เสียทั้งสิ้น ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๓๒ วรรคสอง (๑)
เจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๔ ขอให้ศาลมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยอนุญาตให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้ดังกล่าว
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งว่า การคัดค้านของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องยื่นภายในกำหนด ๑๔ วัน นับแต่วันทราบคำสั่ง ผู้ร้องทราบคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ ตามที่ปรากฏในคำร้อง แต่มายื่นคำร้องวันนี้ล่วงเลยกำหนด ๑๔ วัน ไปแล้ว จึงไม่รับคำร้องไว้พิจารณา คืนค่าคำร้อง
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของเจ้าหนี้ว่า เจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต่อศาลล้มละลายกลางภายในกำหนด ๑๔ วัน นับแต่วันทราบคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๓๒ วรรคสาม หรือไม่ เห็นว่า ในการปฏิบัติงานของ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เกี่ยวกับสำนวนคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการนั้น ตามระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการบังคับคดีฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ พ.ศ. ๒๕๔๑ ข้อ ๒๓ กำหนดว่า “เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่ง คำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการแล้ว ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งคำสั่งแก่ผู้มีส่วนได้เสียทราบโดยเร็ว” เช่นนี้ การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำสั่งคำขอรับชำระหนี้แล้ว หากยังไม่ได้แจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบ จะถือว่าผู้มีส่วนได้เสียทราบคำสั่งในวันนั้นและเริ่มนับระยะเวลาในการยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๐/๓๒ วรรคสาม หาได้ไม่ ในคำร้องคัดค้านของเจ้าหนี้ระบุว่า “…เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้มีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้…” ไม่มีข้อความใดแสดงว่าเจ้าหนี้ทราบคำสั่ง ดังกล่าวของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ แต่ประการใด อีกทั้งตามสำเนาคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ สำเนาซองจดหมาย และสำเนาใบตอบรับไปรษณีย์ของการสื่อสารแห่งประเทศไทยในเอกสารแนบท้ายอุทธรณ์ ซึ่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รับรองสำเนาถูกต้อง ปรากฏว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แจ้งคำสั่งให้ยกคำร้องขอรับชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ทราบโดยได้ส่งสำเนาคำสั่งคำขอรับชำระหนี้ทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังเจ้าหนี้ คำสั่งดังกล่าวมีบุคคลอื่นรับไว้แทนเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๔๔ จึงต้องถือว่าเจ้าหนี้ทราบคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ในวันดังกล่าว ฉะนั้น การนับระยะเวลาในการยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๔๔ การที่เจ้าหนี้ยื่นคำร้องคัดค้านในวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๔๔ จึงอยู่ภายในกำหนดเวลา ๑๔ วัน นับแต่ วันที่ทราบคำสั่งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งไม่รับคำร้องคัดค้าน จึงไม่ชอบ ศาลฎีกา ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของเจ้าหนี้ฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งของศาลล้มละลายกลาง ให้ศาลล้มละลายกลางรับคำร้องคัดค้านของเจ้าหนี้ไว้แล้วดำเนินการต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ .

Share