คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่เห็น ส. ใช้อาวุธปืนยิงจำเลย การที่จำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า ส. ลงจากรถตรงเข้าใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปตรงที่จำเลยนอนอยู่ 2 นัดนั้น เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวน เพื่อจะแกล้ง ส.ให้ต้องรับโทษ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172, 174 วรรคสอง การกระทำของจำเลยมิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ใช้บทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลย แต่เป็นกรณีที่ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ประกอบด้วยเหตุที่ต้องระวางโทษหนักขึ้นตามมาตรา 174 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองบังอาจแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวนว่าจำเลยทั้งสองเห็นนายสู่งยิ๊ก แซ่อึ้ง ลงจากรถถือปืนจ่อยิงจำเลยที่ ๑ สองนัด ขณะจำเลยที่นอนหงานอยู่ กระสุนปืนถูกสีข้างขวาของจำเลยที่ ๑ หนึ่งนัด ส่วนอีกหนึ่งนัดไม่ถูก ทั้งนี้เพื่อจะแกล้งให้นายสู่งยิ๊กต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๗๒, ๑๗๔ วรรคสอง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๒, ๑๗๔ ให้ลงโทษตามมาตรา ๑๗๔ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๔ จำคุก ๑ ปี ๖ เดือน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงและวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๑ ไม่เห็นนายสู่งยิ๊กใช้อาวุธปืนยิงจำเลย การที่จำเลยที่ ๑ ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า นายสู่งยิ๊กลงจากรถตรงเข้าใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปตรงที่จำเลยที่ ๑ หนึ่งนัด ส่วนอีกหนึ่งนัดไม่ถูกนั้น เป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาต่อพนักงานสอบสวนเพื่อจะแกล้งให้นายสู่งยิ๊กต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๒ ประกอบด้วยมาตรา ๑๗๔ วรรคสอง ฎีกาโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ ฟังขึ้น แต่การกระทำของจำเลยที่ ๑ มิใช่เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลย ดังคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น แต่เป็นกรณีที่ต้องลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๗๒ ประกอบด้วยเหตุที่ต้องระวางโทษหนักขึ้นตามมาตรากฎหมาย ๑๗๔ วรรคสอง และควรกำหนดโทษใหม่ให้เหมาะสม ส่วนกรณีของจำเลยที่ ๒ ศาลฎีกาว่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าคำให้การของจำเลยที่ ๒ เป็นข้อความอันเป็นเท็จ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ ๒ นั้น ศาลฎีกาเห็นฟ้องด้วย ฎีกาโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาแก้เป็นจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๗๒ ประกอบด้วยมาตรา ๑๗๔ จำคุก ๑ ปี คำให้การชั้นสอบสวนและคำเบิกความจำเลยที่ ๑ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ จำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๘ เดือน นอกจาที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share