แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มูลคดีเรื่องเดียวกันนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ทำการฉ้อโกงเอากระบือของโจทก์ไปโดยหลอกลวงว่าจะซื้อกระบือ ศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดว่าข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซื้อกระบือของโจทก์ไป จำเลยที่ 1 มิได้กระทำผิดตามฟ้อง ดังนี้ การพิพากษาคดีนี้อันเป็นคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา เมื่อจำเลยที่ 1 มิได้เกี่ยวข้องกับการซื้อกระบือรายนี้ จึงไม่มีกรณีที่จะต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยที่ 1
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ บังอาจสมคบกันหลอกลวงโจทก์ว่าจำเลยที่ ๑ มีความประสงค์จะขอซื้อกระบือโจทก์ ๕ ตัวเพื่อนำไปขาย โดยจะชำระราคาให้ โจทก์หลงเชื่อจึงตกลงขายกระบือให้ราคาตัวละ ๑,๔๒๐ บาท รวมเป็นเงิน ๗,๑๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ได้ให้จำเลยที่ ๒ รับกระบือไปเมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๑๔ รุ่งขึ้นโจทก์ไปขอรับเงิน จำเลยที่ ๑ ขอผัด ต่อมาวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๑๔ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๓ ได้สมคบกันหลอกลวงโจทก์อีกว่าต้องการซื้อกระบือจากโจทก์อีก ๑๘ ตัว โดยจะชำระราคาให้รวมกับกระบือ ๕ ตัวที่รับไปครั้งแรกในวันที่ ๒๐ กันยายน โจทก์หลงเชื่อจึงตกลงขายให้แก่จำเลยที่ ๑ ราคาตัวละ ๑,๖๕๐ บาท รวมเป็นเงิน ๒๙,๗๐๐ บาท โดยจะมอบกระบือให้ในวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๑๔ และจำเลยที่ ๑ สัญญาว่าจะทำหนังสือสัญญาซื้อขายให้ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ มารับกระบือจากโจทก์ไป ๙ ตัวเมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๑๔ และรับไปอีก ๙ ตัวเมื่อวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๑๔ ครั้นถึงกำหนดชำระเงินวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๑๔ จำเลยทั้งสามไม่ชำระเงินให้ จึงขอศาลได้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายเท่ากับราคากระบือ ๒๓ ตัวเป็นเงิน ๓๖,๘๐๐ บาท และดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าจำเลยที่ ๑ ไม่เคยซื้อกระบือ ๕ ตัวจากโจทก์มิได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ซื้อกระบือจำนวน ๑๘ ตัวของโจทก์
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าจำเลยที่ ๒ ได้ซื้อกระบือ ๕ ตัวจากโจทก์เป็นเงิน ๗,๑๐๐ บาท และได้ชำระราคาให้ครบถ้วน ส่วนกระบืออีก ๑๘ ตัว จำเลยที่ ๓ ซื้อและชำระราคาแก่โจทก์แล้ว จำเลยที่ ๒ มิได้เกี่ยวข้องด้วย
จำเลยที่ ๓ ขาดนัดยื่นคำให้การ แต่ก่อนสืบพยานโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๓ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ซื้อกระบือจากโจทก์รวม ๒๓ ตัว และยังมิได้ชำระราคาให้ กรณีเช่นนี้ไม่จำต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องให้บังคับคดีได้ พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ใช้เงิน ๓๖,๘๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๑ นอกจากที่แก้นี้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้จำเลยที่ ๑ รับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๒
ศาลฎีกาเห็นว่า มูลคดีเรื่องเดียวกันนี้ โจทก์ได้ฟ้องจำเลยทั้งสามเป็นคดีอาญาหาว่าจำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ กระทำการฉ้อโกงเอากระบือของโจทก์ไปโดยเจตนาทุจริต ปรากฏตามสำนวนคดีอาญาของศาลแขวงธนบุรีหมายเลขแดงที่ ๗๓๕/๒๕๑๕ และศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุดเกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ ว่า ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ซื้อกระบือของโจทก์ไป จำเลยที่ ๑ มิได้กระทำผิดตามฟ้อง เช่นนี้ศาลฎีกาเห็นว่า การพิพากษาคดีนี้อันเป็นคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา คือคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีดังกล่าวซึ่งฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ มิได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ซื้อกระบือรายนี้จากโจทก์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๔๖ เมื่อจำเลยที่ ๑ มิได้เกี่ยวข้องกับการซื้อกระบือรายนี้ จึงไม่มีกรณีที่จะต้องวินิจฉัยถึงความรับผิดของจำเลยที่ ๑ ตามมาตรา ๔๗ ดังที่โจทก์ฎีกา
พิพากษายืน