คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 745/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมกันลักเอาผงดินของขลังซึ่งเป็นวัตถุในทางศาสนาที่ทำให้พระพุทธรูปมีความขลังและทรงคุณค่าในความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอัดบรรจุอยู่ในพระพุทธรูป ‘พระครูเหล็ก’ จำนวนหนัก 4.50 กรัม ประมาณราคาไม่ได้ของวัดแจ้งสว่างไปดังนี้ เป็นฟ้องที่ชัดเจนแล้วว่าผงดินของขลังและพระพุทธรูป ‘พระครูเหล็ก’ เป็นของวัดแจ้งสว่างฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย
ผงดินของขลังที่บรรจุในฐานองค์พระพุทธรูปได้มาจากแหล่งสำคัญในทางพุทธศาสนาที่ประชาชนเคารพนับถือ โดยสภาพเป็นผงดินธรรมดา การนำมาบรรจุในฐานองค์พระพุทธรูปเพื่อให้ประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในองค์พระพุทธรูปยิ่งขึ้นนั้นไม่ใช่วัตถุทางศาสนาซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของประชาชน และคำว่า ‘ส่วนหนึ่งส่วนใดของพระพุทธรูป’ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2512 มาตรา 3 นั้นหมายถึงส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นรูปร่างพระพุทธรูป เช่น พระเศียร พระหัตถ์ พระกร และพระบาท ฯลฯ ซึ่งถ้าหากส่วนหนึ่งส่วนใดถูกตัดหรือถูกทำลายย่อมทำให้พระพุทธรูปขาดความสมบูรณ์ผงดินของขลังที่บรรจุอยู่ในฐานองค์พระพุทธรูป แม้จะถูกนำออกไปก็หาทำให้พระพุทธรูปขาดความสมบูรณ์ไปไม่ รูปลักษณะของพระพุทธรูปยังคงอยู่ในสภาพเดิม ผงดินของขลังจึงไม่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของพระพุทธรูปการที่จำเลยลักเอาผงดินของขลังไปจึงไม่เป็นความผิดตามบทกฎหมายดังกล่าว
เมื่อศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยทั้งหกไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2512 มาตรา 3 ตามที่จำเลยที่ 6 แต่ผู้เดียวได้ฎีกาขึ้นมา แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7) ดังนี้ แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 จะมิได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ด้วยก็ตาม โดยที่เป็นเหตุในลักษณะคดี จึงต้องมีผลถึงจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเหล็กสกัด ค้อน ใบเลื่อยตัดเหล็ก ไขควงเป็นอาวุธติดตัว ได้บังอาจร่วมกันลักเอาผงดินของขลังซึ่งเป็นวัตถุในทางศาสนาที่ทำให้พระพุทธรูปมีความขลังและทรงคุณค่าในความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอัดบรรจุอยู่ใต้ฐานองค์พระพุทธรูป “พระครูเหล็ก” จำนวนหนัก 4.50 กรัม ประมาณราคาไม่ได้ของวัดแจ้งสว่าง อยู่ในความดูแลรักษาของพระวิสาทสุธี เจ้าคณะอำเภอชุมแพรักษาการแทนเจ้าอาวาส และนายพิมพ์ ตาประดับมรรคทายกวัดแจ้งสว่างไปโดยจำเลยได้ร่วมกันใช้อาวุธดังกล่าวเป็นเครื่องเจาะสกัดผงดินของขลังออกมาแล้วลักเอาผงดินของขลังซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธรูปและวัตถุในทางศาสนาอันเป็นที่สักการะบูชาของประชาชน เป็นการบังอาจทำให้พระพุทธรูป”พระครูเหล็ก” และผงดินของขลังเสียหาย ทำลาย และเสื่อมค่า ฯลฯ เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมด้วยผงดินของขลังห่อผ้าขาวม้า 1 ห่อ เหล็กสกัด ค้อน ใบเลื่อนตัดเหล็ก และไขควงเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7), 335 ทวิ วรรคสอง, 360 ทวิ, 83, 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2512 มาตรา 3, 7 ฯลฯริบเหล็กสกัด ค้อน ใบเลื่อยตัดเหล็ก ไขควง ของกลาง และคืนผงดินของขลังของกลางให้เจ้าทรัพย์

จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องในข้อหาลักทรัพย์ ฯลฯ ให้คืนผงดินของกลางแก่วัดแจ้งสว่าง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่าจำเลยทั้งหกมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ทวิ วรรคสอง ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2512 มาตรา 3 จำคุกคนละ 5 ปีริบเหล็กสกัด ค้อน ใบเลื่อยตัดเหล็ก และไขควงของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งหกฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพฤติการณ์ของจำเลยทั้งหกเป็นการกระทำโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์

ข้อที่จำเลยที่ 6 ฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าผงดินของขลังที่อยู่ในองค์พระครูเหล็กเป็นทรัพย์ของผู้ใด หรือมีผู้ใดเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยแม้จะบรรยายฟ้องว่า พระครูเหล็กอยู่ในความดูแลของพระวิสารทสุธีเจ้าคณะอำเภอชุมแพ รักษาการแทนเจ้าอาวาสและนายพิมพ์ ตาประดับมรรคทายกวัดแจ้งสว่าง ก็ไม่พอใจได้ว่าพระครูเหล็กเป็นของพระวิสารทสุธี หรือนายพิมพ์ตาประดับ เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยร่วมกันลักเอาผงดินของขลังซึ่งเป็นวัตถุในทางศาสนาที่ทำให้พระพุทธรูปมีความขลังและทรงคุณค่าในความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอัดบรรจุอยู่ในพระพุทธรูป”พระครูเหล็ก” จำนวนหนัก 4.50 กรัม ประมาณราคาไม่ได้ของวัดแจ้งสว่างชัดเจนแล้วว่าผงดินของขลังและพระพุทธรูป “พระครูเหล็ก” เป็นของวัดแจ้งสว่างฟ้องโจทก์ชอบด้วยกฎหมาย

จำเลยที่ 6 ฎีกาว่า ผงดินของขลังที่บรรจุอยู่ในองค์พระพุทธรูป “พระครูเหล็ก”ไม่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดขององค์ “พระครูเหล็ก” และไม่ใช่ส่วนหนึ่งส่วนใดของวัตถุในทางศาสนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2512มาตรา 3 นั้น เห็นว่า ได้ความจากพระวิสารทสุธีเจ้าคณะอำเภอชุมแพพยานโจทก์ว่า ผงดินของขลังที่บรรจุในฐานองค์พระพุทธรูป “พระครูเหล็ก” ได้มาจากแหล่งสำคัญในทางพุทธศาสนาที่ประชาชนเคารพนับถือโดยสภาพเป็นผงดินธรรมดา การนำมาบรรจุในฐานองค์พระพุทธรูปเพื่อให้ประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในองค์พระพุทธรูปยิ่งขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่วัตถุทางศาสนาซึ่งเป็นที่เคารพลักการะของประชาชน และคำว่า “ส่วนหนึ่งส่วนใดของพระพุทธรูป” หมายถึง ส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นรูปร่างพระพุทธรูป เช่น พระเศียร พระหัตถ์ พระกร และพระบาท ฯลฯซึ่งถ้าหากส่วนหนึ่งส่วนใดถูกตัดหรือถูกทำลายทำให้พระพุทธรูปขาดความสมบูรณ์ ผงดินของขลังที่บรรจุอยู่ในฐานองค์พระพุทธรูป แม้จะถูกนำออกไปก็หาทำให้พระพุทธรูปขาดความสมบูรณ์ไปไม่ รูปลักษณะของพระพุทธรูปยังคงอยู่ในสภาพเดิม ผงดินของขลังจึงไม่เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของพระพุทธรูป”พระครูเหล็ก” การกระทำของจำเลยทั้งหกไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2512 มาตรา 3 แต่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7) แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5จะมิได้ฎีกาในปัญหาข้อนี้ โดยเหตุที่เป็นเหตุในลักษณะคดี จึงมีผลถึงจำเลยที่ 1ถึงที่ 5 ด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(7) ให้จำคุกจำเลยคนละ 3 ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share