แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำว่า”บิดา”ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ.2482มาตรา16ทวิ,19หมายถึงทั้งบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายและบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยรู้อยู่แล้วว่าบิดาของจำเลยเป็นคนสัญชาติจีนและรู้อยู่ว่าตนไม่จบชั้นมัธยมปีที่4ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดแต่กลับแจ้งความอันเป็นเท็จโดยกรอกข้อความในใบสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดว่าบิดาจำเลยเป็นคนสัญชาติไทยและจำเลยจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่4จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา137พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ.2482มาตรา64การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ.2482มาตรา64อันเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา90
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า จำเลย รู้ อยู่ แล้ว ว่า ไม่มี สิทธิ สมัคร รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาจังหวัด เพราะ บิดา เป็น คนต่างด้าว และ เรียน ไม่สำเร็จการศึกษา ชั้น มัธยม ปี ที่ 4 มี ความรู้ ต่ำกว่า ระดับ มัธยม ศึกษา ตอน ปลายตาม หลัก สูตร ของ กระทรวงศึกษาธิการ แต่ ได้ สมัคร รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาจังหวัด มหาสารคาม เขต อำเภอ เชียงยืน และ แจ้ง ข้อความเท็จ โดย การ กรอก ใบ สมัคร รับเลือกตั้ง ว่า ตน มี บิดา สัญชาติ ไทยและ มี ความรู้ สอบไล่ ได้ ชั้น มัธยม ปี ที่ 4 ขอให้ ลงโทษ ตาม ประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 137, 91 พระราชบัญญัติ การเลือกตั้ง สมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ. 2482 มาตรา 64 และ ให้ เพิกถอน สิทธิ เลือกตั้ง ของ จำเลยมี กำหนด เวลา 8 ปี
จำเลย ให้การ ปฏิเสธ
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษา ว่า จำเลย มี ความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 พระราชบัญญัติ การเลือกตั้ง สมาชิก สภาจังหวัด พ.ศ. 2482 มาตรา 64 เป็น การกระทำ หลายกรรม ต่างกันเรียง กระทง ลงโทษ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 2 กระทงจำคุก กระทง ละ 6 เดือน และ ปรับ กระทง ละ 1,000 บาท รวม จำคุก 12 เดือนปรับ 2,000 บาท โทษ จำคุก ให้ รอการลงโทษ ไว้ มี กำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระ ค่าปรับ จัดการ ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 เพิกถอน สิทธิ การเลือกตั้ง ของ จำเลย มี กำหนด 8 ปี
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้อง
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า ข้อเท็จจริง ฟังได้ เป็น ยุติ ตาม ที่ ศาลชั้นต้นและ ศาลอุทธรณ์ ภาค 1 วินิจฉัย มา และ คู่ความ มิได้ ฎีกา โต้แย้ง ว่าจำเลย เป็น คน สัญชาติ ไทย โดย กำเนิด ซึ่ง มี บิดา ที่ ไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็น คนต่างด้าว เชื้อชาติ จีน สัญชาติ จีน ได้ สมัคร รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาจังหวัด มหาสารคาม เขต อำเภอ เชียงยืน ต่อ เจ้าพนักงาน และ แจ้ง ข้อความ โดย วิธี กรอก ใบ สมัคร รับเลือกตั้งว่า จำเลย มี บิดา เป็น คน สัญชาติ ไทย และ จำเลย มี ความรู้ สอบไล่ ได้ชั้น มัธยม ปี ที่ 4 มี ปัญหา ว่า จำเลย ได้ กระทำผิด ตาม ฟ้อง หรือไม่เห็นว่า ตาม พระราชบัญญัติ การเลือกตั้ง สมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ. 2482มาตรา 19 บัญญัติ ว่า “บุคคล ผู้ มี สัญชาติ ไทย ซึ่ง บิดา เป็น คนต่างด้าวจะ เป็น ผู้ สมัคร ได้ ต้อง มี คุณสมบัติ ตาม มาตรา 16 ทวิ และ มี คุณสมบัติอย่างใด อย่างหนึ่ง ดัง ต่อไป นี้ ด้วย คือ
(1) เป็น ผู้ ได้ เข้า เรียน อยู่ ใน โรงเรียน ตาม กำหนด เวลา และสอบไล่ ได้ไม่ ต่ำกว่า ระดับ มัธยม ศึกษา ตอน ปลาย ตาม หลัก สูตร ของกระทรวงศึกษาธิการ หรือ ตาม แผนการ ศึกษา ของ ชาติ หรือ ได้ เข้า เรียนอยู่ ใน โรงเรียน หรือ สถาบัน การศึกษา อื่น ใน ประเทศ ตาม กำหนด เวลามา โดย ตลอดจน มี ความรู้ ตาม ที่ กระทรวงศึกษาธิการ เทียบเท่า หรือรับรอง ว่า เทียบ ได้ไม่ ต่ำกว่า ระดับ มัธยม ศึกษา ตอน ปลาย ตาม หลัก สูตรของ กระทรวงศึกษาธิการ หรือ แผนการ ศึกษา ของ ชาติ
(2)…ฯลฯ
ตาม บทบัญญัติ ที่ กำหนด คุณสมบัติ ของ ผู้มีสิทธิ สมัคร รับเลือกตั้งดังกล่าว หา ได้ มุ่ง ถึง สถานะ ของ บุคคล ผู้สมัครรับเลือกตั้งแต่เพียง ฝ่ายเดียว เป็น สาระสำคัญ ไม่ แต่ จะ ต้อง คำนึง ถึง เชื้อชาติตาม ความ เป็น จริง เพราะ การ เป็น บิดา มารดา เป็น ข้อเท็จจริงอาศัย ความ เกี่ยวข้อง ทาง สายโลหิต แม้ บุคคล นอก สมรส ซึ่ง ตาม กฎหมายถือว่า ผู้ให้กำเนิด เป็น บิดา ไม่ได้ แต่ ผู้ให้กำเนิด ก็ เป็น บิดาได้ ตาม พฤตินัย นอกจาก นี้ ยัง คำนึง ถึง วัย และ ประสบการณ์ ตลอดจนความผูกพัน ต่อ ภูมิภาค ที่ ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เกี่ยวข้อง อยู่ ด้วยใน เขต เลือกตั้ง ประกอบ กัน ทั้งนี้ เพื่อ ให้ ได้ สมาชิกสภาจังหวัดที่ เป็น บุคคล อยู่ ใน ภูมิภาค ซึ่ง สามารถ เข้า มา มี ส่วน ร่วม ใน การ บริหารและ พัฒนา จังหวัด ได้ อย่าง มี ประสิทธิภาพ จาก วัตถุประสงค์ ดังกล่าวแล้ว จึง เห็นว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เป็น สมาชิกสภาจังหวัด ที่ มีบิดา เป็น คนต่างด้าว จึง ไม่จำต้อง เป็น บิดา ที่ชอบ ด้วย กฎหมายดังนั้น คำ ว่า “บิดา ” ตาม พระราชบัญญัติ การเลือกตั้ง สมาชิกสภาจังหวัดพ.ศ. 2482 มาตรา 19 และ มาตรา 16 ทวิ จึง หมายถึง ทั้ง บิดาที่ชอบ ด้วย กฎหมาย และ บิดา ที่ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แล้ว ศาลฎีกา วินิจฉัย ต่อไป โดย ฟัง ข้อเท็จจริง ว่า จำเลย ไม่ จบการศึกษา ชั้น มัธยม ปี ที่ 4 จำเลย รู้ อยู่ แล้ว ว่า บิดา ของ จำเลย เป็นคน สัญชาติ จีน และ รู้ อยู่ ว่า ตน ไม่ จบ ชั้น มัธยม ปี ที่ 4 ไม่มี สิทธิสมัคร รับเลือกตั้ง แต่ กลับ แจ้งความ อันเป็นเท็จ โดย กรอก ข้อความใน ใบ สมัคร รับเลือกตั้ง ว่า บิดา จำเลย เป็น คน สัญชาติ ไทย และ จำเลยจบ การศึกษา ชั้น มัธยม ปี ที่ 4 จำเลย จึง มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 พระราชบัญญัติ การเลือกตั้ง สมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ. 2482มาตรา 64
พิพากษากลับ ว่า จำเลย มี ความผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137พระราชบัญญัติ การเลือกตั้ง สมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ. 2482 มาตรา 64การกระทำ ของ จำเลย เป็น กรรมเดียว ผิด ต่อ กฎหมาย หลายบท ให้ ลงโทษ ตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้ง สมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ. 2482 มาตรา 64อันเป็น บทหนัก ที่สุด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก6 เดือน และ ปรับ 1,000 บาท เพิกถอน สิทธิ เลือกตั้ง จำเลย มี กำหนด8 ปี จำเลย ไม่เคย ต้องโทษ จำคุก มา ก่อน ประกอบ กับ จำเลย ได้รับเลือกตั้ง ให้ เป็น สมาชิกสภาจังหวัด แสดง ว่า จำเลย เคย สร้าง คุณ ประโยชน์ให้ ประชาชน มา ก่อน หลังจาก จำเลย ลาออก แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม มี หนังสือ ชมเชย ใน การปฏิบัติหน้าที่ ของ จำเลย จำเลยไม่ควร ต้องโทษ จำคุก จึง รอการลงโทษ จำคุก จำเลย ไว้ มี กำหนด 2 ปีตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระ ค่าปรับ ให้ จัดการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30